094-916-1644, 094-661-9626 @york-institute

Blogs

live สดกับน้องกิ๊ฟ ถึงเส้นทางการทำงาน 1 ปีในอเมริกาหลังเรียนจบการโรงแรมในสวิตเซอร์แลนด์

กลับมาอีกครั้งนะคะ live สดกับพี่กิ๊ก ASEAN Regional Manager, B.H.M.S. สถาบันการโรงแรมระดับโลกที่สวิตเซอร์แลนด์ แต่คร้้งนี้พี่กิ๊กไม่ได้มาคนเดียวค่ะ พาแขกรับเชิญที่น่ารัก “น้องกิ๊ฟ” ศิษย์เก่าจาก B.H.M.S. มาด้วย  วันนี้น้องกิ๊ฟจะมาเล่าถึงเส้นทางการทำงาน 1 ปีในอเมริกาหลังเรียนจบการโรงแรมในสวิตเซอร์แลนด์ค่ะ คลิกที่ภาพเพื่อฟังสัมภาษณ์ได้เลยค่ะ (หรือจะอ่านบทสัมภาษณ์ด้านล่างก็ได้ค่ะ)

 

<>

York : สวัสดีค่ะ พี่เกลจากยอร์คนะคะ อย่างที่เราได้ประกาศไว้ใน Facebook ของเรานะคะว่า วันนี้เราจะมีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของการฝึกงานและทำงานที่สวิตฯ แล้วก็ที่อเมริกานะคะ ในหัวข้อของการพูดคุยวันนี้นะคะ “จากการเรียนการโรงแรมในสวิตฯ สู่การทำงานต่อ 1 ปีในอเมริกา” ค่ะ ซึ่งวันนี้เราก็มีแขกรับเชิญมาร่วมพูดคุยกับเราในวันนี้ด้วยนะคะ  เดี๋ยวให้แขกรับเชิญแนะนำตัวเลยค่ะ

พี่กิ๊ก B.H.M.S.: สวัสดีค่ะ พี่ชื่อพี่กิ๊กนะคะ เจอกันอีกครั้งนึงนะคะ วันนี้ก็เจอกันดึกหน่อย สวัสดีผู้ชมจากในไลฟ์ตอนนี้ และก็น้องๆ และผู้ปกครองที่จะรับชมย้อนหลังนะคะ ก็เหมือนเดิมเราเจอกันทุกปีนะคะ ขอแนะนำตัวอีกครั้งนึง พี่ชื่อพี่กิ๊กเป็นเจ้าหน้าที่ของ B.H.M.S. นะคะ พี่เป็นผู้จัดการส่วนภูมิภาคของ B.H.M.S. ประจำภูมิภาคนี้ B.H.M.S. เป็นสถาบันที่สอนในระดับมหาวิทยาลัยนะคะ B.H.M.S. ย่อมาจาก Business & Hotel Management School ก็คือเป็นโรงเรียนที่สอนทั้งบริหารธุรกิจและก็การโรงแรมนะคะ ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองลูเซิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ B.H.M.S. มีทั้งหมด 3 สาขาวิชาหลักด้วยกันนะคะ คือ ทางด้านการบริหารธุรกิจทั่วไปนะคะ แล้วก็การบริหารธุรกิจการโรงแรมและการบริการต่างๆ และท้ายสุดเราก็มีสาขาเกี่ยวกับการทำอาหารและการบริหารธุรกิจอาหารนะคะ วันนี้จะไม่ลงลึกเกี่ยวกับ B.H.M.S. มากนะคะ ก็รู้ว่าทุกคนคงรู้จักอยู่แล้วนะคะ เราเจอกันทุกปีนะ แต่วันนี้พี่กิ๊กไม่ได้มาคนเดียวนะพี่กิ๊กมากับศิษย์เก่าที่น่ารักของเราชื่อน้องกิ๊ฟนะคะ เดี๋ยวให้น้องกิ๊ฟแนะนำตัวเลยดีกว่านะคะ ก็ช่วยแนะนำตัวเองให้ฟังหน่อยว่าไปเรียนอะไรจาก B.H.M.S. มา และไปทำงานที่ไหนมาบ้าง นะคะ

น้องกิ๊ฟ : สวัสดีค่ะ ชื่อกิ๊ฟนะคะ เป็นศิษย์เก่าจาก B.H.M.S. นะคะ เรียนด้าน BA Hospitality Management ซึ่งได้ double degree จาก B.H.M.S. และ Robert Gordon University ค่ะ แล้วก็ฝึกงานที่ สวิตฯ ที่โรงแรม เบาลัก ที่เมืองซูริค และฝึกที่ Marriot Rivercenter ที่ San Antonio Texas

พี่กิ๊ก B.H.M.S.: เดี๋ยวพี่กิ๊กเพิ่มเติมให้นิดนึงนะคะ พี่กิ๊ฟนะคะ ไปเรียนระดับปริญญาตรีสาขาทางด้านบริหารธุรกิจการโรงแรมและการบริการต่างๆ  นะคะ หลังจากจบปริญญาตรีจะได้ Double degree เลยนะคะ 2 ปริญญาตรีจาก B.H.M.S. ที่สวิตเซอร์แลนด์ และมหาวิทยาลัยพาร์ทเนอร์เราที่ UK (อังกฤษ) คือ Robert Gordon University

เมื่อกี้น้องกิ๊ฟบอกไปแล้วว่าน้องกิ๊ฟฝึกงานที่โรงแรม ที่อาจจะชื่อแปลกนิดนึงเพราะคนไทยอาจจะไม่คุ้นนะคะเป็นโรงแรมชื่อภาษาฝรั่งเศส เป็นโรงแรม 5 ดาวนะคะตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองซูริค แล้วก็หลังจากที่ฝึกงานที่สวิตฯ แล้วนะคะ ก็ไปทำงานต่อที่สหรัฐอเมริกาอีก 1 ปีนะ เดี๋ยวพี่ส่งต่อให้ น้องเกลเลยดีกว่า เผื่อน้องเกลมีคำถามอะไรเพิ่มเติม

York : ได้เลยค่ะ ขอถามเรื่องการฝึกงานที่สวิตฯ ก่อนแล้วกันเนาะ อยากให้น้องกิ๊ฟพูดถึงเรื่องขั้นตอนน่ะค่ะ ในเรื่องของการหาที่ฝึกงานในสวิตฯ ว่าทางโรงเรียนมีการให้ความช่วยเหลืออะไร ยังไงบ้างในเรื่องของการฝึกงานค่ะ

น้องกิ๊ฟ : เริ่มแรกเลยทางโรงเรียนจะส่งอีเมลมาให้เราเข้าไปสร้าง CV หรือ Resume นะคะ พอเราเข้าปุ๊บ เขาก็จะ Guide เราว่าเราต้องเขียนยังไง เขาจะมีแบบฟอร์มว่าให้เขียนตามนี้แล้วเขาก็ให้เราส่งไปให้เขา ซึ่งเขาจะมี CV ของทุกคนอยู่ในระบบ และหลังจากนั้นน่ะค่ะก็เราทุกคนก็น่าจะมีอยู่ในใจอยู่แล้วว่าอยากไปฝึก Part ไหน Part เยอรมัน หรือว่า Part ฝรั่งเศส หรือว่า Part  อิตาลี พอเราตัดสินใจได้แล้ว หลังจากนั้นเราก็ไปลงชื่อเพื่อจะเข้าไปคุยกับเขานะคะว่าเราอยากไปส่วนไหน พอเราเข้าไปคุยเขาก็จะถามด้านความสนใจของเราว่าเราอยากฝึกตำแหน่งไหน Department ไหนอย่างนี้ค่ะ ส่วนตัวกิ๊ฟเองก็คืออยากทำ F& B ( Food and Beverage) แล้วก็ไม่อยากได้ House keeping เราก็บอกเขาไปตรงๆ เลยว่าเราไม่อยากได้ส่วนไหน เขาก็จะโฟกัสด้านความสนใจของเราว่าเราอยากได้ส่วนไหนอย่างนี้ค่ะ ซึ่งอย่างถ้าเราไปเยอรมัน part แล้วเราได้ภาษาเยอรมัน เราก็สามารถไปทำด้าน front ได้ซึ่งอย่างตัวกิ๊ฟเองไม่ได้ภาษาเยอรมัน ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหา เราก็สามารถทำด้าน Back of the house ได้ ซึ่ง staff ที่นั่นเค้าก็พูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ

York : แสดงว่าการที่น้องบางคนภาษาอาจจะไม่ได้แข็งแรงหรือว่าไม่ได้เก่งเรื่องของภาษาเยอรมันหรือภาษาฝรั่งเศส ก็ไม่มีปัญหาเรื่องของการฝึกงานที่สวิตฯ ถูกไหมคะ

น้องกิ๊ฟ : ใช่ค่ะ เพราะว่าคนส่วนมากที่นั่นก็คือจะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ซึ่งก็ไม่มีปัญหาในด้านการสื่อสาร

York : ถามเรื่องเงินเดือนบ้างดีกว่าค่ะ เพราะว่าเราจะเห็นว่าในโฆษณาในเรื่องของการเรียนที่สวิตฯ แล้วก็ เราเคยบอกว่าทางสวิตฯ  มีการการันตีในเรื่องของเงินเดือนให้กับนักศึกษาฝึกงานด้วย ทีนี้ถามน้องกิฟต์บ้างนะคะว่า เป็นยังไงบ้างในเรื่องเงินเดือน เป็นไปตามที่เขาการันตีหรือเปล่า

น้องกิ๊ฟ : ส่วนของกิ๊ฟเองจะได้ประมาณ 2,100 สวิสฟรังก์ และก็เศษๆ อีกนิดนึง ซึ่งก็ได้ตามที่การันตีน่ะค่ะ ถ้าตีเป็นเงินไทยก็น่าจะสูงกว่าที่การันตีไว้นิดหน่อย

York : แล้วเป็นไงบ้างคะ คือหักหลายๆ อย่างแล้วเนี่ยมีเงินเหลือประมาณเท่าไหร่

น้องกิ๊ฟ : ด้วยความที่อยู่ที่เมืองซูริคด้วยนะคะ ก็เป็นเมืองที่ค่อนข้างแพง หักค่าห้องแล้วก็เหลืออยู่ที่ประมาณ 1,400, 1,450 (สวิสฟรังก์) เนี้ยค่ะ ซึ่งก็พอต่อค่าใช้จ่าย เพราะว่าทางโรงแรมมีอาหารให้ซึ่งเป็น rate พนักงานนะคะ และถ้าเป็นวันหยุดเราก็สามารถไปทานได้เหมือนกัน ซึ่งก็จะประหยัดไปได้อีกนิดนึง

York : อยากให้น้องกิฟต์เล่าถึงบรรยากาศในเรื่องของการทำงานแล้วก็การใช้ชีวิตที่สวิตฯ ค่ะเป็นยังไงบ้างคะ

น้องกิ๊ฟ : ทำงานที่ซูริคน่ะค่ะ ผู้คนที่นั่นก็จะค่อนข้าง friendly ที่นั่นเค้าก็จะมีคนฝึกงานเยอะมาก คือเด็กๆ น่ะค่ะที่นั่นก็คือเริ่มทำ internship ตั้งแต่อายุประมาณ 15-16 ที่นั่นก็จะมีคนรุ่นเดียวกันฝึกงานเยอะ แล้วทุกคนก็จะ friendly ค่ะ แล้วทางโรงเรียนก็คือจะมีทริปตลอด  โดยส่วนตัวเราก็ลงชื่อไปทริปกับโรงเรียนด้วยเหมือนกันก็คือกลับไปลูเซิร์นเพื่อจะไปทริป ก็คืออากาศดีค่ะอาหารอร่อย ผู้คนเฟรนลี่

พี่กิ๊ก B.H.M.S.: ก็คือเขาไม่รังเกียจคนเอเชียอะไรอย่างเนี้ยเนาะ ไม่มีปัญหาอย่างนั้นใช่ไหมจ๊ะ

น้องกิ๊ฟ : ไม่มีค่ะ

York : เพราะว่าหลายๆ คนอาจจะกลัวว่าไปยุโรปมันจะมีปัญหาเรื่องของบูลลี่ไหม มีการเหยียดเชื้อชาติไหม และจากประสบการณ์น้องกิ๊ฟก็คือไม่มีถูกไหมคะ

น้องกิ๊ฟ : ไม่มีค่ะ

York : โอเค สบายใจได้นะคะ

ส่วนในเรื่องของระหว่างการฝึกงานเนี่ย ถ้านักเรียนมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการฝึกงาน โรงเรียนจะมีการช่วยเหลืออะไร ยังไงบ้างนะคะ

น้องกิ๊ฟ : ส่วนตัวเองตอนฝึกงานก็คือไม่ได้มีปัญหานะคะ แต่ว่าเวลาพอฝึกงานไปประมาณครึ่งนึงอย่างนี้ โรงเรียนเขาก็จะมีมาเยี่ยม มาเยี่ยมแล้วก็มา interview เราว่าฝึกงานเป็นยังไงบ้าง มีปัญหาไหม เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้หรือเปล่าอย่างนี้ หัวหน้าเราเป็นยังไง treat ทุกคนแฟร์หรือเปล่า เขาก็จะถามคำถามทั่วไปซึ่งถ้าเรามีปัญหาอะไรช่วงนั้นก็คือเราสามารถแจ้งทางโรงเรียนได้เลยตอนที่เขามาเยี่ยม

พี่กิ๊ก B.H.M.S.: พี่ขอถามน้องกิฟต์แล้วกันเนาะ เพราะว่าถ้าเกิดนักเรียนเขาสนใจที่อยากจะเรียน หรือว่าอยากมาฝึกงาน ก็ดูกิ๊ฟก็มีความสุขกับการฝึกงานเนาะ อยากให้น้องกิ๊ฟช่วยแชร์หน่อยได้ไหมว่าขั้นตอนที่เพื่อนๆ ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนที่จะมาเข้าเรียน B.H.M.S. นะคะ แล้วก็ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนที่จะไปฝึกงานแล้วเพื่อให้ได้งานที่เราชอบ เราต้องการ แล้วก็ฝึกงาน แล้วประสบความสำเร็จ

น้องกิ๊ฟ : ส่วนมากเลยก็น่าจะต้องเป็นการเตรียมตัวเตรียมใจอะนะคะ เพราะว่าเราห่างจากบ้านไปเป็นปี บางคนอาจจะหลายปีค่ะ ก็อาจจะมี Homesick บ้างแต่ว่าพอผ่านไปมันก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ นะคะ มันก็ชินไปเอง ก็แป๊บเดียวก็ถึงเวลาต้องกลับแล้วนะ แล้วก็อาจจะเป็นเรื่องภาษา ถ้าเกิดภาษาไม่แข็งแรงอาจจะต้องเตรียมเรื่องภาษาด้วย

พี่กิ๊ก B.H.M.S.: อันนี้ก็อยากจะฝากไว้ด้วยนะคะ หลายคนจะเข้าใจว่าสวิตเซอร์แลนด์เขามีภาษาราชการเป็นภาษาอื่นไม่ว่าจะเป็นภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศสหรือภาษาอิตาเลี่ยนนะคะ ถ้าเกิดเราไม่รู้ภาษาที่ 3 เนี่ยไม่เป็นไร อย่างที่น้องกิฟต์บอกแล้วว่าเราก็สามารถเรียนซึ่ง B.H.M.S. เป็นโรงเรียนสอนด้วยภาษาอังกฤษนะคะ แล้วก็เป็นโรงเรียนอินเตอร์ 100% เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษ, อาจารย์สอนเป็นภาษาอังกฤษ, ป้ายบอกทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษหมดนะคะ เพราะฉะนั้นเราสามารถเรียนได้ แล้วการใช้ชีวิตอยู่ที่สวิตฯ เนี่ย ถ้าเราไม่รู้ภาษาที่ 3 ก็สามารถอยู่ได้เพราะว่าคนสวิตฯ ก็พูดภาษาอังกฤษได้ ไม่ว่าจะการอยู่ หรือว่าที่ทำงานก็ตาม

แต่อย่างที่เมื่อกี้น้องกิ๊ฟฝากไว้เลยว่าโอเคยังไงซะถ้าเราไม่รู้ภาษาที่ 3 เนี่ยเราอยู่ได้ แต่เราก็ต้องรู้ภาษาอังกฤษที่เข้มแข็งเนาะในระดับหนึ่งนะคะ ก่อนที่จะมาเรียนแล้วก็มาฝึกงานนะ

แล้วก่อนที่จะไปฝึกงานล่ะ น้องกิ๊ฟทำยังไง น้องกิ๊ฟมีเทคนิคอะไรที่ทำให้ได้งานตามที่เราต้องการเนาะ แล้วก็ฝึกงานให้ประสบความสำเร็จนะคะมีเทคนิคส่วนตัวอะไรหรือเปล่า

น้องกิ๊ฟ : คือตอนฝึกงานอย่างที่บอกไปแล้วนะคะ ว่าเขาจะส่ง CV ไป พอเราได้ offer มา เขาจะส่งให้เราดูก่อนว่า เราโอเคไหมกับที่นี่ คือส่วนมากเขาจะให้เราไปดูก่อน ไปสัมภาษณ์ แล้วก็มีการทดลองงาน เพื่อให้ดูว่าตัวเราชอบไหมด้วย ซึ่งถ้าเราไม่ค่อยโอเค หรือไม่อยากทำ เราสามารถบอกทางโรงเรียนได้เลยว่า เราไม่ค่อย OK กับที่นี่นะ เราอยากได้ที่ต่อไป ซึ่งถ้าเราอยากมี Option ที่เยอะกว่านั้นน่ะ แนะนำว่าให้เราไปหา internship office ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งเราจะได้มีเวลาเยอะๆ เพราะว่าถ้าเกิดว่าเราไปส่ง CV ตอนที่ใกล้จะต้องออกไปฝึกงานแล้วอย่างนี้ โอกาสที่เราจะได้เลือกโรงแรมมันก็จะน้อยลงไปอีก ซึ่งก็อยากจะแนะนำตรงนั้นว่าให้ส่ง CV ไป ตั้งแต่เข้าไปช่วงเริ่มเรียนได้ซัก 1 เดือน 2 เดือนนี้ก็คือสามารถเข้าหา internship office ได้เลยไม่ต้องรอนาน

พี่กิ๊ก B.H.M.S.: ใช่ อันนี้พี่อยากฝากไว้ด้วย เพราะว่าหลายๆคน พี่จะเจอน้องว่าต้องรอให้อินเทิร์นชิพมาตามแล้วตามอีกนะคะถึงจะเข้าไปหาเนาะ ก็แนะนำว่าให้เราเป็นฝ่าย Active ดีกว่าค่ะ หลังจากที่เราเข้าเรียนเรียบร้อยแล้ว หรือว่าหลังจากที่เราไปฟังสัมมนาการสอนการทำ  CV เรียบร้อยแล้วเนี่ย เรานัดเขาเลยนะ เรานัดเขาเลยเพื่อที่จะคุยแล้วก็ให้เขาช่วยหาที่ฝึกงานให้เรานะคะ ซึ่งอันนี้เป็นเทคนิคที่ดีมาก หรือเทคนิคอีกอย่างนึงเนี่ย ทุกคนอาจจะสังเกตได้จากตัวน้องกิฟ แต่น้องกิฟอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องปกตินะ แต่ที่จริงไม่เป็นเรื่องปกติสำหรับใครหลายคนคือถ้าเราอยากได้งานที่ดีน่ะ อย่าลืมว่าถึงจะเป็นการ internship ที่สวิตฯ นะคะ เรามีเงินเดือน เรามีสัญญาจ้างงานเนาะ เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยนายจ้างก็เป็นฝ่ายเลือกเราเช่นเดียวกันนะคะ เพราะว่าเขาก็เอาเราไปทำงาน มีหน้าที่การงาน มีสวัสดิการ มีเงินเดือน ดังนั้นเราก็ต้องผ่านด่านสัมภาษณ์ด้วยนะคะ ก็อยากให้พกความมั่นใจนะคะ แล้วก็มีภาษาที่โอเค อาจจะไม่ต้องถึงขนาดเป็น Native speaking พูดภาษาอังกฤษคล่องมากอะไรอย่างนี้ แต่ว่าถ้าเกิดเรามีภาษาที่โอเค เข้มแข็งระดับหนึ่ง แล้วก็พกความมั่นใจในการไปสัมภาษณ์อันนี้ก็จะมีข้อได้เปรียบนะคะในการที่จะได้งานที่เราต้องการมากขึ้นด้วยเนาะ

แล้วตอนที่น้องกิ๊ฟไปทำงานอยู่เนี่ย เรามีเทคนิคไหมว่าทำไมถึงทำงานประสบความสำเร็จ เราใช้ความเป็นไทยอ่อนน้อมถ่อมตนหรือเปล่าหรือว่ายังไง

น้องกิ๊ฟ : ด้วยความที่เราเป็นคนไทยด้วยอะค่ะ ส่วนมากคนไทยก็ขึ้นชื่อว่ายิ้มเก่ง เฟรนลี่อะไรยังงี้ค่ะ เราก็ใช้ตรงนั้นน่ะค่ะทำงาน เราก็ทำงานตามที่เขามอบหมายไว้ตามปกติค่ะ ก็คือเราเฟรนลี่กับเพื่อนร่วมงานซึ่งเราก็ต้องทำงานร่วมกันกับเขาอย่างนี้ถ้าเกิดว่าเราเฟรนลี่กับเขา เขาก็ดีกับเราอย่างนี้ คือเวลาเรามีปัญหาอะไรเราก็สามารถช่วยเหลือกันได้น่ะค่ะ

พี่กิ๊ก B.H.M.S.: แล้วก็อีกอย่างนะคะที่อยากฝากไว้คือเราต้องมีวินัยเนาะ วันจันทร์ขี้เกียจไปทำงาน ป่วยดีกว่า ไม่ได้นะคะ เพราะว่าคนสวิตฯ จะเป็นคนที่ทำงานหนักเข้มแข็งเนาะก็อยากให้มีวินัย ตรงต่อเวลานะคะ ก็จะประสบความสำเร็จ เพราะว่าท้ายที่สุดเวลาที่เราฝึกงานเสร็จที่สวิตฯ เนี่ยเราก็จะได้ใบผ่านงานด้วยนะคะ

พี่เกลมีอะไรจะถามเพิ่มเติมไหม

York : ก็อยากรู้เรื่องของหลังจากการที่เรียนแล้วก็ฝึกงานที่สวิตฯ น้องกิ๊ฟเนี่ยไปไหนต่อ ทำงานอะไรยังไงต่อคะ

น้องกิ๊ฟ : จริงๆ อันนี้คือรู้มาตั้งแต่ตอนที่ยังเรียนอยู่เลยนะคะว่าพอจบจากที่สวิตฯ ปุ๊บเราสามารถไปต่อที่อเมริกาได้อีก 1 ปี ซึ่งพอรู้ปุ๊บ เราก็เลยเข้าไปคุยกับทาง International internship office ซึ่งเค้าก็จะมีคนที่คอยดูแลด้าน International อีกทีนึง ซึ่งเราก็เข้าไปคุยกับเขาว่าเราอยากไปฝึกงานต่อที่อเมริกา ซึ่งวันนั้นที่เข้าไปคุยอ่ะค่ะ เขาบอกว่าพอดีเลยพรุ่งนี้ Marriot มาสัมภาษณ์ สนใจไหม ส่ง CV มาซิ เดี๋ยวเขาจะจัดเข้าตารางสัมภาษณ์ให้ หนูก็แบบพรุ่งนี้เลยหรอ ก็เลยแบบลองดูก็ได้ เขาก็จะแจ้งมาว่าเราต้องเตรียมตัวยังไง เราต้องหาข้อมูลอะไรมาบ้าง ต้องรู้อะไรมาก่อน เราก็ไปสัมภาษณ์ คือตอนนั้นจริงๆ คือเวลาเตรียมตัวมันค่อนข้างสั้นนะคะ วันเดียว เราก็เลยลองดูก่อนก็ได้เพื่อเราจะได้รู้ว่าเขาถามคำถามยังไงอะไรยังงี้ค่ะ คือทางอเมริกาเนี่ยมันไม่ได้มีทีเดียวค่ะเขาก็จะมีมาสัมภาษณ์เรื่อยๆ ซึ่งทางโรงเรียนเค้าก็จะส่งอีเมลมาว่ามีที่นี่มาจะสัมภาษณ์นะ ถ้าเกิดว่าสนใจให้ส่ง  CV กลับมา เขาก็จะจัดตารางสัมภาษณ์มาให้ ซึ่งก็ไปสัมภาษณ์มา  แล้วก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากค่ะ เพราะว่าเป็นสัมภาษณ์ที่แรก แล้วก็ได้  Marriot Rivercenter ที่ San Antonio Texas 1ปี แล้วเราก็ accept offer แล้วเราก็ได้มาฝึกงานที่อเมริกาอีก 1 ปี

York : แสดงว่าโรงเรียนก็คือมีส่วนเรื่องของการช่วยเหลือการที่ทำงานหลังจากที่เราเรียนจบด้วยถูกไหมคะ

น้องกิ๊ฟ : ใช่ค่ะ คือหลังจากที่จบปุ๊บ เค้าก็จะมีอีเมล์มาว่าที่นี่มีเปิดเป็น management training น่ะค่ะ ทางโรงเรียนส่งมาว่า ถ้าเกิดสนใจให้สมัครไปนะ แต่เค้าก็ไม่ได้การันตีว่าเราจะได้ แต่คือ พอสัมภาษณ์ไปส่วนมากก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองเหมือนกัน เพราะว่าเราก็ต้องผ่าน interview ทุกอย่างผ่านนายจ้าง

York : ทีนี่พอเรามาทำงานที่อเมริกาเนี่ย ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าการทำงานที่อเมริกาเป็นยังไงบ้าง

น้องกิ๊ฟ :  ที่อเมริกา ของกิ๊ฟเองก็คือทำเป็น F& B front of the house เค้าจะ rotate ทุกๆ 4 เดือน ของกิ๊ฟเองเริ่มที่เป็น hostage ที่ร้านอาหาร แล้วก็ rotate ไป F&B แล้วก็ไปบาร์ แล้วก็ rotate ไป F&B ด้านอื่น ซึ่งทุกๆ 4 เดือนเนี่ยเราก็ได้เรียนรู้ในส่วนต่างๆ ของด้าน F&B นะคะ ตัวนี้เองอ่ะมันก็ทำให้เราได้เห็น ในหลายๆ Department ด้วยว่าแต่ละส่วนเป็นยังไง แล้วก็เหมือนให้เราได้รู้ว่าเราชอบส่วนไหนมากที่สุด ซึ่งมันก็สามารถช่วยในการทำงานของเราในอนาคตได้ ซึ่งเราจะได้สามารถเลือก Department ที่เราโอเค

York : ถามเรื่องผลตอบแทนนิดนึงดีกว่า ทำงานที่อเมริกา ผลตอบแทนในการทำงานเป็นยังไงบ้างคะ

น้องกิ๊ฟ : ถ้า calculate แล้วก็ประมาณเดือนละ 2,000 – 2,500 USD ยังไม่หักค่าอพาร์ทเม้นท์ ถ้าหักค่าอพาร์ทเม้นท์ แล้วก็เหลืออยู่ที่ประมาณ 1,800 -1,900 USD ประมาณนี้น่ะค่ะ ซึ่งอเมริกาจะถูกกว่าสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเราก็จะมีเงินเก็บมากกว่าทำงานที่สวิตเซอร์แลนด์

พี่กิ๊ก B.H.M.S.: แล้วในอเมริกาเนี่ยได้ทิปไม๊จ๊ะ

น้องกิ๊ฟ : ได้ทิปค่ะ แล้วแต่ Department อย่างถ้าเกิดว่าทำ hostage เนี่ยก็คือเราจะได้เป็นรายชั่วโมงที่สูงกว่าด้าน ()  แต่ว่าพอย้ายไปทำเสิร์ฟ เงินรายชั่วโมงมันก็จะน้อยลงแต่เงินมันก็จะขึ้นอยู่กับทิปด้วย ด้วยความที่อเมริกาเนี่ย ทิปคือ ส่วนหนึ่งของ culture เขา

พี่กิ๊ก B.H.M.S.: งั้นเดี๋ยวพี่สรุปให้กับน้องๆ ที่ B.H.M.S. เรามีโครงการนะคะ หรือว่ามีการช่วยเหลือนะคะที่จะจัดหางานเบื้องต้นให้หลังจากที่เราเรียนจบแล้วนะคะ ถ้าเกิดว่าเรารู้ตัวเร็วแบบน้องกิ๊ฟ ถ้าเราตามไลฟ์มาตลอดเนี่ยจะเห็นว่าน้องกิฟต์เป็นคนที่ Active เข้าหาตลอดนะคะ ก็ถ้าเรารู้ตัวตั้งแต่เรียนที่สวิตฯ แล้วว่าเรายังไม่อยากกลับบ้านนะคะ ฝึกงานเสร็จแล้วยังอยากไปทำที่ประเทศอื่นๆ ต่อเนี่ย เราก็สามารถติดต่อโรงเรียนได้ตั้งแต่ที่เราเรียน หรือว่าที่เราฝึกงานที่สวิตฯ เลยเนาะ จะได้ต่อกันไปเลยว่าฝึกงานที่สวิตฯ เสร็จแล้วเราจะไปทำที่ไหนต่อนะคะ หรือถ้าเกิดใครอยากจะกลับมาพักผ่อนนะคะ ก็สามารถกลับมาเมืองไทยก่อนก็ได้ แล้วถ้าอยากให้โรงเรียนช่วยเหลือนะคะ ก็สามารถติดต่อไปได้ภายใน 1 ปีหลังจากที่เราจบแล้วนะ ซึ่งตรงนี้เนี่ยนอกเหนือจากโครงการแบบนี้ที่โรงเรียนเขามีความร่วมมือกับประเทศต่างๆ นะคะที่ให้เราไปทำต่อได้นะ โรงเรียนก็ยังมีช่องทางในการช่วยเหลือจัดหางานอีกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นเหมือนที่กิ๊ฟบอกว่ามีโรงแรมต่างๆ เข้ามา recruit โดยตรงแล้วเราก็ไปสัมภาษณ์กับโรงแรมโดยตรงเลยนะคะ หรือจะเป็นระบบที่เราเรียกว่า B.H.M.S. Connect นะคะก็จะเป็นสำหรับศิษย์เก่าที่สามารถ login เข้าไปดูได้เลยนะ เขาก็จะมีตำแหน่งว่าง ทั่วโลกเลย พี่เคยเข้าไปดูก็จะมีตำแหน่งว่างที่ไทยแบบนี้นะคะ เผื่อที่เราสามารถเข้าไปดูได้เอง สมัครได้เอง ซึ่ง B.H.M.S. Connect เนี่ยเราสามารถดูได้ตลอดอายุของเราเนาะ ซึ่งจะแตกต่างกับที่โรงเรียนจัดหาให้ สมัครให้ ซึ่งอันนี้จะต้องติดต่อโรงเรียนตั้งแต่เราอยู่ที่โรงเรียนเลย หรือว่าจบมาภายใน 1 ปีนะคะ

York : ขอถามเพิ่มเติมนิดนึงค่ะว่า วัฒนธรรมในการทำงานระหว่างที่สวิสกับที่อเมริกามีความแตกต่างอะไรยังไงบ้างคะ

น้องกิ๊ฟ : ที่สวิตฯ นี่คือค่อนข้างจะเข้มงวดด้านการทำงานมากกว่านะคะ ด้านมาตรฐานทุกอย่างที่เราทำก็คือต้องเป๊ะ แล้วส่วนที่อเมริกาก็จะค่อนข้าง lay back มากกว่าค่ะ คือเราสามารถพูดคุยกับหัวหน้าเราได้ เหมือนเป็นเพื่อนนะคะ แต่ว่าเราก็ยังต้องทำงานตามที่เขาต้องการ คือเขาก็จะค่อนข้าง lay back มากกว่า ชิลกว่าค่ะ

York : แล้วในเรื่องของการที่เราเคยฝึกงาน เคยเรียนที่สวิตเซอร์แลนด์มาแล้วเนี่ย คือมันมีส่วนช่วยอะไรยังไงในเรื่องของการต่อยอดการทำงานของเราได้บ้างนะคะ

อ่านบทสัมภาษณ์ตอน 2 ต่อได้ที่ link ด้านล่างนี้เลยนะคะ

(ตอน 2) live สดกับน้องกิ๊ฟ ถึงเส้นทางการทำงาน 1 ปีในอเมริกาหลังเรียนจบการโรงแรมในสวิตเซอร์แลนด์

 

เรียนต่ออังกฤษ

เรียนภาษาที่อังกฤษ

เรียน High school ที่อังกฤษ

เรียน Certificate ที่ออสเตรเลีย

เรียนต่ออเมริกา

เรียนภาษาที่อเมริกา

เรียนปริญญาตรีที่อังกฤษ

เรียน Diploma ที่ออสเตรเลีย

เรียนต่อออสเตรเลีย

เรียนภาษาที่ออสเตรเลีย

เรียนปริญญาโทที่อังกฤษ

เรียนปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย

เรียนต่อนิวซีแลนด์

เรียนภาษาที่นิวซีแลนด์

เรียน High school ที่อเมริกา

เรียนปริญญาโทที่ออสเตรเลีย

เรียนต่อแคนาดา

เรียนภาษาที่แคนาดา

เรียนปริญญาตรีที่อเมริกา

เรียนแฟชั่นที่ Marangoni

เรียนต่อสวิตเซอร์แลนด์

เรียนการโรงแรมที่สวิตเซอร์แลนด์

เรียนปริญญาโทที่อเมริกา

เรียนทำอาหารที่ Le Cordon Bleu

York Institute 283/39, 41 Home Place Building, 8th Fl., Sukhumvit 55 (Thonglor 13), Bangkok 10110 THAILAND Tel: (66) 94-916-1644, (66) 94-661-9626 Email: info@york-institute.com Copyright © 2022 All Rights Reserved.