094-916-1644, 094-661-9626 @york-institute

Blogs

(ตอน 1) live สดกับพี่ดีดี จากสถาบัน INTO ที่มีหลักสูตร Pathway สู่มหาวิทยาลัยระดับ Top ในอเมริกา

วันนี้พี่ดีดี Recruitment Manager Thailand & Other Indo China ของสถาบัน INTO USA จะมาให้ข้อมูลแบบละเอียดยิบทั้งแนะนำเมือง , แนะนำมหาวิทยาลัย,  หลักสูตรต่างๆ , facility , และอัพเดตค่าเรียน, ค่าที่พัก, และที่พลาดไม่ได้คือทุนการศึกษา  และตอบทุกคำถามยอดฮิตที่พี่ๆ York Institute ได้รับจากน้องๆ   คลิกที่ภาพเพื่อฟังสัมภาษณ์ได้เลยค่ะ (หรือจะอ่านบทสัมภาษณ์ด้านล่างก็ได้ค่ะ)

สถาบัน INTO  มีในประเทศอังกฤษ, อเมริกา และ จีน โดยเปิดสอนหลักสูตร Pathway program หลักสูตรที่เตรียมความพร้อมเพื่อเข้าเรียนในระดับปริญญาตรี และปริญญาโทในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกกว่า 26 แห่ง

 

York: สวัสดีค่ะ พี่เกลจาก York นะคะ ก็ก่อนหน้านี้เราเคยพูดถึงเรื่องสถาบัน INTO ในการเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษกันในคลิปที่ผ่านมาเนอะ แล้วก็วันนี้นะคะเราจะมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการเรียนต่อปริญญาตรีและปริญญาโท ที่ อเมริกา กับสถาบัน INTO นะคะแล้วก็วันนี้มีแขกรับเชิญพิเศษมาค่ะ ขอต้อนรับน้องดีดี จาก INTO นะคะ สวัสดีค่ะ โอเคก่อนอื่นเดี๋ยวให้ดีดี แนะนำตัวก่อนดีกว่าค่ะ

INTO: ได้ค่ะ สวัสดีนะคะ ชือ DD นะคะตอนนี้เป็น Recruitment manager อยู่ที่ INTO นะคะจะดูแลของฝั่ง US โดยเฉพาะเลยค่ะ

York: น้องๆ บางคนอาจจะสงสัยว่า INTO คืออะไร เพราะอย่างบางคนอาจจะไม่ได้มาฟังคลิปที่ผ่านมาเนอะ ถ้ายังไงพี่เกลมอบหน้าที่ให้นี้ให้กับ DD นะคะในการแนะนำสถาบันแล้วก็หลักสูตรของ INTO นะคะเชิญเลยค่ะ

INTO: ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะพี่เกล ก็สำหรับ INTO นะคะเราเป็นเหมือนกับ Partner นะคะกับมหา’ลัยใน US และ UK นะคะของฝั่ง UK ก็จะมีประมาณ 11 มหาลัยนะคะฝั่ง US ก็เช่นกันค่ะ สิ่งที่เราทำนะคะเราไม่แค่ Recruit ให้นะคะ แต่ว่าสิ่งที่เรามีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักก็คือ การที่มีหลักสูตรสำหรับนักเรียน International โดยเฉพาะนะคะ ซึ่งเราเรียกกันว่าหลักสูตร Pathway นั่นเอง ซึ่งตัว Pathway นี้เดี๋ยวมีรายละเอียดให้ดูนะคะว่ามันคืออะไรแล้วก็จะช่วยน้องๆ ทุกคนได้ยังไงนะคะตัวนี้เนี่ยจะมีให้กับนักเรียน ป.ตรี แล้วก็ ป.โท ด้วยซึ่งตัวโปรแกรมที่จะมาช่วยเหลือตรงนี้อ่ะค่ะก็จะแล้วแต่ว่าน้องๆ คนไหนต้องการการ Support ในเรื่องไหนนะคะ ในเรื่อง Academic GPA หรือว่าเรื่องของภาษานั่นเองนะคะส่วนตัวโปรแกรมของทาง US กับ UK จะค่อนข้างมีส่วนที่เหมือนกันแต่ก็มีส่วนที่ต่างกันด้วย

INTO: วันนี้นะคะพี่ DD จะมาพูดถึงของทางฝั่ง US แบบเต็มที่เลยนะคะ แล้วก็จะแอบอธิบายให้ด้วยนิดนึงนะคะว่าต่างจากทางฝั่ง UK ยังไง เพราะตัวพี่เองนะคะ จบมาจาก University Of East Anglia ก็คือเป็นของฝั่ง UK ล้วนๆ เลยแตมาทำฝั่ง US นั่นเอง

INTO: ก่อนอื่นเลยนะคะของ US เราจะมี Partner ทั้งหมดตอนนี้ 11 มหา’ลัยนะคะ 11 มหา’ลัยนี้มีกระจายค่อนข้างทั่วอเมริกาเลย อย่างฝั่ง West ของเราก็จะมี

Washington State University

Oregon State University

แล้วก็กลางลงมาหน่อยก็จะมี Colorado State University

3 มหาลัยนี้นะคะจะไปเด่นเรื่องของ STEM ก็คือเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับ Science, Technology, Engineering และ Mathematic นะคะ ถ้าสมมุติน้องๆ คนไหนเนี่ยแอบมาดูการเรียนการสอนฝั่ง US แล้วเนี่ยจะเห็นแล้วว่าทาง US จะค่อนข้างโด่งดังแล้วก็มีโปรแกรมที่เป็น STEM ค่อนข้างเยอะนะคะ เพราะว่า 1 คือเรื่อง Resource นะคะเรื่องของเงินสนับสนุนจากรัฐบาลด้วยนั่นเอง ฉะนั้นเรื่องของประสบการณ์จะค่อนข้างมีเยอะมาก น้องๆ บางคนอาจจะมี Lab เลยแบบเป็น Lab ส่วนตัวของตัวเองจนเรียนจนจบเทอมอ่ะนะคะ ซึ่งส่วนนี้เนี่ยก็สามารถเอาไปใส่ใน Portfolio เราได้ด้วยนะคะ

INTO: แล้วก็ถ้าเป็นฝั่ง East นะคะของเราก็มีค่อนข้างเยอะนะคะก็จะค่อนข้างในเมืองนิดนึงเนอะอย่าง Suffolk University, Hofstra University, Drew University, George Mason University พวกนี้นี่จะอยู่ค่อนข้างเมืองเลย

อย่าง Sufflok เนี่ยคืออยู่กลางเมืองเลยเดินออกจาก Sufflok ปุ๊ปก็จะเจอ Boston เลย

Hofstra กับ Drew ก็จะอยู่ห่างจาก New York ประมาณ 45 นาทีนะคะ

ส่วน George Mason เนี่ยเขาอยู่ใกล้ Washington D.C. ก็นั่งรถไฟใต้ตินได้ประมาณ 40 นาทีเหมือนกันนะคะ

INTO: ส่วนโซนฝั่ง East อ่ะค่ะสิ่งที่เขาจะโด่งดังก็จะเป็นพวกเรื่องของ Business นะคะโดยเฉพาะของ George Mason เนี่ยเขาจะโด่งดังในเรื่องของพวกอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับ Government ด้วยเพราะว่าเขาอยู่ใกล้ Washington D.C. ซึ่งเป็นเมืองหลวงของฝั่ง US นั่นเองนะคะ

INTO: ส่วนที่เหลือนะคะก็จะมีอยู่ใกล้ๆ Chicago ก็คือ Illinois State University นะคะเป็นมหาลัย State เช่นกันค่ะโด่งดังในเรื่องของ Fine Art แล้วก็ Business ด้วยนะคะ

INTO: ส่วนลงมาล่างๆ อีกนิดนึงเป็น Saint Louis University นะคะ ก็คือเป็นมหาลัยที่ Rank ดีที่สุดของเรานะคะแล้วก็เป็นมหาลัยเอกชนด้วยตัว Rank ของ Saint Louis University ปีล่าสุดก็คือ 104 นะคะจะเป็น Rank เดียวกับ University of South Florida นะคะที่อยู่ด้านล่างลงมานั่นเองนะคะ

INTO: Saint Louis University และ University of Alabama at Birmingham เขาจะโด่งดังในเรื่องของ Nursing แล้วก็พวกเรื่องเกี่ยวกับ Computer security ต่างๆ นะคะ

INTO: ส่วน University of South Florida อันนี้เป็นมหาลัยที่ใหญ่ที่สุดของเรามีนักเรียนทั้งหมดประมาณ 50,000 คนเลยทีเดียวนะคะค่อนข้างใหญ่มากส่วน Ranking ตอนนี้ก็คือ 104 นะคะเป็นมหาลัยที่คุ้มค่ากับการเรียนมากเพราะว่าค่าเรียนไม่แพงนะคะแต่ว่า Ranking ดีมากมีคณะให้เลือกเยอะมากด้วย ปีที่แล้วพี่พึ่งไปมานะคะไปเจอคณะ Pottery นะคะ เป็นคณะปั้นหม้อค่ะ มีทั้ง ป.ตรี และ ป.โท เลยนะคะ

ฉะนั้นจะเห็นได้ว่ามหา’ลัยของเราทั้ง 11 มหา’ลัยเนี่ยค่อนข้างกระจายใน US นะคะถ้าสมมุติว่าชอบ Location ไหนนะคะลองดูก่อนว่าสนใจอันไหนแล้วตัวเลือกของคณะเนี่ยมีค่อนข้างหลากหลายมากเลยทีเดียวแล้วก็หลายๆ คณะจะมีตัว Pathway ที่พี่พูดถึงเมื่อกี้นะคะ เดี๋ยวพี่จะอธิบายให้ฟังต่อนะคะว่าตัว Pathway กับ Direct Entry ยังไงแล้วน้องจะเสียอะไรไหมหรือจะได้อะไรกลับมานะคะ

INTO: วันนี้พี่ DD ยกตัวอย่างมาให้เป็น 4 ที่วันนนี้เราพูดถึงกันนะคะก็คือ

  • Oregon State University
  • Illinois State University
  • Saint Louis University
  • University of South Florida

INTO: แต่ว่าถ้าสมมุติว่ามีน้องๆ คนไหนนะคะสนใจมหาลัยอื่นหรือคณะไหนเป็นพิเศษนะคะสามารถติดต่อไปที่ York ได้เลยนะคะ อันนี้ขออนุญาติเปิด VDO ให้ดูก่อนนะคะว่าบรรกาศโดยรวมของมหา’ลัยจะเป็นยังไงนะคะ

INTO: จะเห็นแล้วนะคะว่า INTO ของเรามีมหา’ลัยในหลาย Location มีทั้งในเมืองคือเดินออกไปก็เป็นเมืองเลยช้อปปิ้งไดั้ตามสบายเลยเที่ยวห้างเที่ยวอะไรได้

หรือถ้าน้องๆ คนไหนชอบแนวธรรมชาติเราก็มีเช่นกันนะคะขออนุญาตไปพูดถึงตัวโปรแกรมของเรานะคะ ในตัวโปรแกรมของเราที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้อ่ะนะคะว่าโปรแกรมเราเนี่ยมีทั้งเรื่องของ Pathway และ Direct Entry นะคะ ข้อแตกต่างระหว่าง 2 อย่างนี้เนี่ยก็คือ Direct Entry เนี่ยเป็นวิธีการเข้าปกติเลยนะคะเหมือนเวลาเราเข้ามหา’ลัยของเราอย่าง จุฬาฯ, ธรรมศาสตร์, ABAC อะไรก็ตามเนี่ย ก็คือถ้ามีเกรดถึงสอบเทียบเข้าไปเราก็สามารถเรียนได้

แต่ของ US จะขอเอกสารเพิ่มนิดนึงเนอะเพราะว่าน้องจะไปเรียนประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสารนะคะ ฉะนั้นเราจะขอผลภาษา เช่น TOEFL, IELTS, IBT หรือว่าทางเราก็จะมี Internal test ให้ได้เหมือนกันนะคะสำหรับบางคณะและบางมหา’ลัยนะคะ แต่ค่าใช้จ่ายก็จะถูกกว่าพวก TOEF, IELTS นั่นเองนะคะแล้วก็บางมหา’ลัยจะขอ SAT, ACT score นะคะ แล้วแต่มหา’ลัย และคณะด้วยนะคะหรือบางมหา’ลัยไม่ใช้ในการเข้าแต่ใช้ในการขอทุนก็มีนะคะ

INTO: วันนี้พี่มีเรื่องทุนมาฝากด้วยนะคะเดี๋ยวจะได้มาอัพเดทกันเนอะ

INTO: คราวนี้ถ้าสมมุติว่าน้องเรียนแล้วรู้สึกว่าตอนที่เรียน ม.ปลาย แล้วเกรดไม่ดี คำว่าเกรดไม่ดีเนี่ยก็คือว่าธรรมดา Direct Entry เนี่ยขอจะขออยู่ที่ประมาณ GPA 3.0, IELTS ประมาณ 6.5 , SAT ก็คือแล้วแต่มหา’ลัยทีนี้ สมมุติว่าน้องเกรดไม่ถึงทำยังไงดีนะคะนั่นก็คือเหตุผลว่าทำไม INTO ของเราเนี่ยถึงมีโปรแกรมที่เราเรียกกันว่า Pathway เพราะเราคิดว่าการที่น้องเรียนได้เกรดไม่ดีตอนช่วง ม.ปลายหรือตอน ป.ตรี เนี่ยไม่ควรหยุดอนาคตของน้องนะคะในการที่จะได้เข้าเรียนต่อในมหา’ลัยที่น้องอยากจะเข้านะคะ เราก็มีโปรแกรมนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการปิดช่องว่างและเหมือนทำเป็นสะพานให้น้องเลยเพื่อที่น้องจะได้เดินข้ามช่องว่างตรงนี้ไปนะคะ

ข้อดีของ ( pathway ) ป.ตรี ก็คือว่าถ้าสมมุติน้องเรียน Pathway ของเรานะคะไม่ว่าจะเรียน  1เทอม, 2เทอม หรือ 3เทอม นะคะยังไงระยะเวลาทั้งหมดที่น้องเรียนก็จะอยู่ที่ 4 ปี เท่าเดิม

INTO: ระบบของ US เรียนทั่วไปอยู่ที่ 4 ปี ดังนั้นนะคะ สมมุติว่าพี่ DD เป็นนักเรียน Pathway ในขณะที่พี่เกลสมมุติว่าเข้าพร้อมกันเลยแต่พี่เกลเป็น Direct Entry ในขณะที่พี่เกลเรียน Direct Entry ปี 1 เรียนปกติเลยเนอะ ตัวพี่ DD เองก็จะมีบางคลาสที่เรียนกับพี่เกลนะคะก็คือเรียนเหมือนกับเด็ก Local student เลยเนอะ เรียน Degree เลยแต่ก็จะมีบางวิชาที่พี่จะต้องแบบเหมือนปลีกตัวเองไปเรียนกับ International student ค่ะ เพื่อเป็นการถม Foundation ของพี่ให้เต็มกว่าเดิมเพื่อที่ว่าเวลาเข้าไปเรียนในคลาสปกติเนี่ยพี่จะได้ไม่ช้านะคะแล้วก็เหมือนจะได้ตามทัน

เพราะว่าตัว Pathway ตัวนี้อ่ะค่ะไม่ได้มีแค่ที่ไทยนะคะ มีที่พม่า Cambodia และที่ ลาว ด้วยแล้วก็ที่จริงมีแทบจะทั่วโลกเลยไม่ไใช่หลักสูตรที่ทำมาเฉพาะแค่เด็กไทยเนอะ แตทำมาเพื่อนักเรียนทั่วโลก เพราะฉะนั้นเนี่ยมันจะเอามาเพื่อปรับพื้นฐานเพราะเราเข้าใจอยู่แล้วค่ะว่าการเรียนการสอนของแต่ละประเทศมันไม่เหมือนกันเนอะ แต่ว่าตรงนี้อ่ะค่ะตอนน้องเรียน Pathway ไม่ได้เรียนแค่ภาษานะคะ ไม่ได้เรียนแค่ฟังพูดอ่านเขียน แต่นอกเหนือจากที่น้องจะเรียนพวกภาษาแล้วน้องจะได้เรียนวิธีการเรียนในอเมริกานะคะพวก Course work ต้องทำยังไงนะคะ วิธีการเขียน Reference ต้องทำยังไงนะคะ ฉะนั้นเนี่ยพวกนี้มันจะช่วยน้องนะคะ เตรียมให้น้องเนี่ยสามารถที่จะเข้าไปเรียนในปีถัดๆ ไป ได้อย่างไม่มีปัญหานะคะ

INTO: ตัว Pathway ของเรานะคะ พวก Support ที่เรามีเนี่ยหลายๆ มหา’ลัยนะคะ ค่าเรียน Pathway เนี่ยถ้าเทียบในระยะเวลาที่เท่ากันเนอะมันจะแพงกว่าค่าเรียนของการเข้า Direct Entry แต่ข้อดีก็คือน้องจ่ายแพงกว่าแค่ช่วงที่น้องเรียน Pathway หลังจากที่น้องเรียน Pathway จบแล้วอ่ะค่ะน้องจ่ายค่าเรียนเหมือนเด็ก International student ธรรมดา ทั่วไปเลยนะคะ ซึ่งที่จริงพี่มีทุนให้ ซึ่งทุนของทางฝั่ง US เนี่ยค่อนข้างเห็นแล้วแบบ amazing อยู่นะคะยิ่งถ้าสมมุติว่าถ้าน้องเข้ามาด้วยเกรดดี ภาษาดี เนี่ยบางทีทุนจากมหา’ลัยโดยตรงมีสูงถึงปีละ US$ 10,000 ต่อปีเลยนะคะ ก็จะเหมือนจะเพิ่มระยะเวลาเรียนจาก 4ปีไปนิดนึงนะคะตามระยะเวลาเทอมที่น้องเรียน Academic English นะคะ

INTO: อีกอย่างนึงนะคะพี่อธิบายต่อก่อนนะคะก็คือในระหว่างที่เรียน Pathway อะค่ะ ถ้าสมมุติว่าน้องเรียนจบไปแล้วเนี่ยน้องจะนับว่าเป็นนักเรียนมหา’ลัยไปแล้วนะคะ น้องจะใช้ Facility Tutor ทุกอย่างของมหา’ลัยได้แล้ว INTO ก็มีพิเศษให้นะคะเรามี Tutor พิเศษ มี International class นะคะ มี Activity ให้น้อง Join นะคะ

INTO: โอเคแล้วก็หลังจากที่น้องจบ Pathway นะคะเราไม่ได้ให้สอบอะไรใหม่ยกเว้นแค่บางคณะเนอะ แต่โดยส่วนมากก็คือเราจะขอเกรดให้มากกว่า 3.0 นะคะและไม่มีอันไหน fail แล้วน้องก็จะเข้าไปเรียนปีถัดไปได้เลยนะคะ

INTO: หน้าแรกอันนี้อธิบายยาวนิดนึงเนอะ แต่หลังจากนี้มันจะเริ่มง่ายแล้วนะคะเราจะได้เข้าใจตรงกันเนอะ พี่พูดคำว่า Pathway เนอะมันเป็นคอร์สเพิ่มขึ้นมานะคะประมาณนี้

INTO: ส่วนฝั่ง ป.โท นะคะจะค่อนข้างคล้ายๆ กับฝั่งป.ตรี แต่ต่างกันนิดนึงตรงที่ว่าถ้าน้องเรียน Pathway นะคะ น้องจะต้องเพิ่มระยะเวลาอีกประมาณครึ่งปีถึง 1 ปีแล้วแต่คณะที่เราเลือกนะคะอย่างถ้าเป็นกลุ่ม MBA หรือกลุ่ม Engineering ที่ยากๆ นะคะหรือว่าเป็นพวกอะไรที่ค่อนข้างเฉพาะทางเนี่ยอาจจะต้องเพิ่มระยะเวลาเรียน 1ปี แต่ข้อดีก็คือว่าระหว่างที่น้องเรียน Pathway ของ ป.โท อ่ะค่ะน้องก็ยังเก็บเครดิตได้แต่อาจจะแค่น้อยลงเฉยๆ ถ้าสมมุติว่าเราเนี่ยอยากไปอัดเครดิตเอาตอนสุดท้ายก็ทำได้นะคะแต่ไม่ค่อยแนะนำเพราะว่า ตอน ป.โทเนี่ยเราไม่ได้เข้าเรียนแบบทำ Course work เฉยๆ เนอะมันต้องมี Lab มี Team work มีงานกลุ่มอะไรเยอะแยะเลยเพราะฉะนั้นเนี่ยมันอาจจะเหนื่อยเกินไป

INTO: แล้วก็กฏเกณฑ์คล้ายๆ กันค่ะ GPA 3.0, IELTS ที่ 6.5 สำหรับ Direct Entry นะคะและบางคณะเขาก็จะขอ GRE. GMAT ด้วยนะคะ แล้วก็ Pathway ของเราก็คล้ายๆ ป.ตรี เกรดก็คือ 2.5 ,IELTS ที่ 5.5 ขึ้นไปนะคะ บางคณะเขาก็จะขอ GRE, GMAT ตอนออกจาก Pathway ด้วยเนอะ ก็คือสมมุติเรียน Pathway 1 ปี ทางพี่จะมีคลาสที่เรียกว่า GMAT, GRE Preparation ให้ด้วยนะคะ สอนวิธีหมดเลยนะคะเป็นคลาสสอนทั้งเทอมเลยหรือทั้งปีเลยแล้วพอพร้อมก็สอบให้ผ่านนะคะอันนี้เป็นข้อแตกต่างนิดนึงนะคะของ ป.ตรี กับ ป.โท นะคะ

INTO: ถัดไปนะคะเป็นเรื่องของเรื่องค่าอยู่ค่ากินเนอะธรรมดาแล้วอ่ะค่ะ Partner ของพี่ทั้งหมด 11 Partner ค่าเรียนของเขาต่ำที่สุดจะอยู่ที่ประมาณ US$ 17,000 ต่อปี ก็คือ University of South Florida นั่นเองนะคะส่วนสูงสุดก็จะเป็นฝั่งเมืองเนอะก็จะเป็นฝั่ง Hofstra New York นะคะแถวๆ นั้นค่าเรียนก็จะแพงหน่อย แล้วก็ตัวทุนเนี่ยจะรันตั้งแต่ 5% นะคะตั้งแต่ US$500 จนถึงประมาณ US$10,000 กว่าก็มีแล้วแต่ว่าน้องสมัครเรียนตอนไหนเรียนนานแค่ไหน แล้วก็ตัวเทอมที่น้องจะเข้าไปเรียนด้วยนะคะ แล้วก็ตัว Living Expenses นะคะ Housing ของเราเนี่ยมีเรื่องของการอยู่หอในก็คืออยู่ On Campus นะคะ โดยมากก็คือจะมีอาหารด้วยมี Dining Hall ให้ด้วยส่วนใหญ่ก็จะเป็น International food นะคะเราก็จะไม่ค่อยเบื่อ แต่ถ้าน้องเบื่อก็มีร้านอาหารอื่นให้กินนะคะ

INTO: แต่ถ้าสมมุติว่าน้องรู้สึกว่าไม่อยากอยู่หอในนะคะ ส่วนใหญ่โดยทั่วไป เด็ก ป.ตรีปีแรกจะต้องอยู่หอในนะคะ 1 ปี แต่ถ้าหลังจากนั้นน้องอยากไปอยู่หอนอกนะคะได้เลย แต่น้องไปดีลเองทางเราอาจจะมีลิสต์ให้สำหรับบางมหา’ลัยถ้าต้องการจะปรึกษานะคะ 

ส่วนประกันนะคะค่อนข้างแนะนำให้ซื้อกับมหา’ลัยนะคะเพราะมันค่อนข้างครอบคลุมทุกอย่างที่ควรจะมีอยู่แล้วนะคะอย่างช่วงนี้นะคะที่มี Covid เนี่ยน้องคนไหนก็ตามที่ซื้อประกันกับมหาลัยไปแล้วมีตรวจ Covid ฟรีแล้วถ้าสมมุติว่ามีวัคซีนแล้วก็สามารถรับวัคซีนได้ฟรีด้วย

INTO: ส่วนเรื่องอาหารนะคะ ถ้าสมมุติว่าซื้อมาทำเองนะคะหรือไปกินข้างนอกทุกมื้อ ถ้ากินข้างนอกก็เฉลี่ยประมาณจานละ 10 USD แล้วแต่รัฐด้วยนะคะอย่างตัวพี่เองตอนอยู่อังกฤษเนี่ยเขาประมาณมาให้ว่าพี่ควรใช้ประมาณ 500 ปอนด์ต่อเดือนนะคะแต่พี่ใช้จริงๆ ไม่ถึง £300 ต่อเดือนนะคะ เพราะพี่ทำกับข้าวเองทุกมื้อ ทำกับข้าวเองที่จริงมันก็คุ้มนะคะ ถ้าเป็นเชฟกระทะเหล็กแล้วน้องก็จะแฮปปี้เลยสบายนะคะ แต่อย่างพี่เนี่ยก็คือทำอาหารไม่ค่อยอร่อยก็กินจืดๆ ถือว่าได้ลดน้ำหนักไปในตัวเนอะ

INTO: ส่วนเรื่องการเดินทาง ถ้าน้องอยู่ในมหา’ลัย ส่วนมากจะมี Shuttle bus ให้ฟรีอยู่แล้วและก็มีหลายสายด้วย อารมณ์เหมือนรถเมล์อ่ะค่ะถ้ามีดูเวลาได้รู้ว่าสายไหนไปไหนมาตอนกี่โมงนะคะ แต่ถ้าสมมุติว่าบางคนอยู่ข้างนอกก็ต้องเสียค่าเดินทางเองหรือบางคนก็ซื้อรถเช่ารถหรือหารกับเพื่อนนะคะ

INTO: ส่วนใหญ่ค่าเฉลี่ยนะคะต่อปี อันนี้คือเฉลี่ยทุกอย่างเลยนะคะ อยู่ที่ประมาณ 1,500,000 บาทต่อปีนะคะแต่ที่จริง ถ้ามมุติว่าน้องเลือกมหา’ลัยแล้วก็ได้ทุนอยู่หอนอกทำกับข้าวกินเองก็จะยิ่งถูกลงไปอีกนะคะ

INTO: โอเคส่วนเรื่องของแผนการเรียน ณ ตอนนี้แผนการเรียนของเราถ้าสมัครตอนนี้ก็จะไปเรียนประมาณ January ปีหน้านะคะ ณ ตอนนี้เราก็ยังมีออนไลน์อยู่นะคะ คือมหา’ลัย ทุกมหา’ลัยของ US ของ INTO นะคะมี Offer Online สำหรับน้องๆ ที่ไม่อยากเสียเวลาเนอะ น้องสามารถเริ่มได้เลยแล้วสถานการณ์ดีแล้วโอเคแล้วน้องก็ค่อยบินไปนะคะ

INTO: ข้อดีของการเรียน Online ตอนนี้นะคะ คือมันไม่ใช่การเรียนแบบ YouTube แล้วเนอะ มันไม่ใช่แบบว่ามานั่งดู VDO ตลอดเวลาเนอะ มี Interaction มีการดีลกับเพื่อนในคลาสกับอาจารย์เนอะ มี Student Support นะคะ คือบางมหาลัยอย่าง Oregon State Universityเขาทำตัว Study online มาเป็น 10 ปีละ แต่ธรรมดาพวกเราไม่ขายเพราะว่าธรรมดาเราก็จะอยากให้เด็กไปอยู่ที่นู้นเนอะ แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้เนอะก็เป็นอีกทางเลือกนึงที่ดีเหมือนกันนะคะ

INTO: แล้วก็อีกอย่างนึงถ้าน้องตัดสินใจว่าโอเคอยากไปเรียนแล้วแหละ แต่ว่าภายใน January นี้น้องยังไม่ค่อยแน่ใจว่าอยากเรียน Online หรือว่าอยากเรียน On Campus เนอะ ถ้าน้องเลือกเรียน Online ก่อนน้องสามารถที่จะลองเรียน 7 วันก่อนแล้วภายใน 7 วันนี้น้องรู้สึกว่าไม่ชอบ น้อง Defer หรือน้อง Refund ก็ได้โดยที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเนอะ

โอเค อันนี้ก็คือที่พี่พูดถึงเนอะเป็นตัว Triple Guarantee คือสมมุติถ้าน้องลองเรียนแล้วภายใน 7 วันนี้น้องไม่ชอบน้องก็สามารถ Cancel ได้หรือว่า Defer ได้เลยนคะ

INTO: อันนี้ก็พวก System ที่พี่บอกนะคะเราใช้หลายอย่างมากมีทั้ง Bongo Brightspace แล้วแต่มหา’ลัยนะคะ น้องจะเห็นได้เลยว่าด้านขวามันจะเห็นหน้าเพื่อนเห็นคลาสว่าอาจารย์สอนอะไรอยู่นะคะแล้วด้านล่างเนี่ยจะเห็นได้เลยว่าเราจะเห็นได้เลยว่าเรามี Assignments อะไร อาทิตย์นี้เรามีเรียนอะไรบ้าง เรามีงานอะไรที่ต้องส่ง เกรดเราออกหรือยังนะคะ อาจารย์ตรวจงานเราเสร็จหรือยัง ฉะนั้นเราจะเห็นทั้งหมดเลยนะคะ

INTO: แล้วก็อันนี้นะคะอย่างที่บอกเมื่อกี้ว่าธรรมดามหาลัยของ INTO เราทำ Online มาแล้วนะคะอย่าง Oregon State University เราเนี่ยได้เป็น Rank ที่ 5 อันดับ 5 เลยนะคะถือว่า Rank ค่อนข้างดี

และ Colorado State University ,University of Alabama at Birmingham, 

Illinois State University , Washington State University นะคะค่อนข้างมี Rank ที่ดีอยู่แล้วนะคะ

INTO: แล้วก็อันนี้เป็นตัว Internal test ที่พี่บอกนะคะเผื่อว่าน้องๆ บางคนสนใจแล้วแหละแต่ว่าอยู่ไกลไม่สามารที่จะมาหาพี่มาทำ Test นู่นนี่นั่น เรามี Internal test ให้นะคะอันนี้คือตัวภาษาเนอะ ถ้าสมมุติว่าาน้องสมัคร Pathway กับพี่นะคะน้องสามารถ Test อันนี้ได้ฟรีเลยถ้าน้องไม่เคยสอบ TOEFL IELTS มาก่อนนะคะ แค่น้องอยู่ที่บ้านแล้วก็ทำตัว Test แค่น้องอยู่ที่บ้านโดยที่มันใช้เวลาแค่ประมาณ 45 นาที แล้วก็ทำได้ตลอดทำได้จนกว่าน้องจะพอใจภายใน 60 วัน หลังจากที่ได้แล้วก็ไปสอบ Certified หลังจากนั้นนะคะผลจะได้ภายใน 24 – 48 ชั่วโมงนะคะแล้วน้องก็สามารถใช้ผลนั้นกับทาง INTO ได้เลย

INTO: แล้วก็ ณ ตอนนี้นะคะถ้าสมมุติว่าน้องอยู่ไกลน้องไม่สามารถมาเจอพี่ๆ ได้ระหว่างสมัคร ตอนนี้เรามี Docusign แล้วนะคะ สมมุติว่าน้องสมัครกับพี่เกลจนทุกอย่างเสร็จแล้วจะบินแล้ว น้องอาจจะไม่เคยเจอพี่เกลเลยก็ได้นะคะเพราะเอกสารต่างๆ เราให้ส่งผ่านออนไลน์นะคะคือน้องสามารถเข้าไปส่งในนี้ได้เลยนะคะ

INTO: อันนี้เป็น Example of Online classes อย่างที่บอกไปนะคะว่าจะมีบอกเลยว่าเกรดเป็นยังไง คลาสเป็นยังไง อันนี้เป็นตัวอย่างของคลาสเรียนวิชานึงนะคะจะบอกเลยว่าวิชานี้ต้องการ Out come ยังไงจะวัดผลยังไงแล้วก็สิ่งที่น้องทำนะคะ To do เชคได้เลย 1 2 3 4 อันนี้เป็นตัวอย่าง Schedule เนอะ จะเห็นว่ามันจะมีทั้ง Live แล้วก็ Self Paced นะคะ ธรรมดา Live อ่ะค่ะมันก็จะเรียนพร้อมกันทั่วโลกนะคะ ซึ่งเท่าที่พี่ดูเนี่ยเวลาทางฝั่ง US เนี่ยจะค่อนข้างยากสำหรับน้องบางคน แต่ว่าน้องบางคนก็คือ ก็จะเฉยๆ เนอะแต่ว่าถ้าสมมุติว่าน้องเรียนจริงๆ อ่ะค่ะอาจจะต้องมีการปรับชีวิตนิดนึง ก็คืออาจจะต้องนอนดึกกว่าเดิม แล้วก็ตื่นสายหน่อยแต่ว่าธรรมดามันจะเป็นเวลาเดียวกันหมดเลยนะคะ แล้วก็นอกนั้น Self Paced ก็คือทำในเวลาที่น้องสะดวกได้เลยนะคะ

 

อ่านบทสัมภาษณ์ตอน 2 ต่อได้ที่ link ด้านล่างนี้เลยนะคะ

(ตอน 2) live สดกับพี่ดีดี จากสถาบัน INTO ที่มีหลักสูตร Pathway สู่มหาวิทยาลัยระดับ Top ในอเมริกา

เรียนต่ออังกฤษ

เรียนภาษาที่อังกฤษ

เรียน High school ที่อังกฤษ

เรียน Certificate ที่ออสเตรเลีย

เรียนต่ออเมริกา

เรียนภาษาที่อเมริกา

เรียนปริญญาตรีที่อังกฤษ

เรียน Diploma ที่ออสเตรเลีย

เรียนต่อออสเตรเลีย

เรียนภาษาที่ออสเตรเลีย

เรียนปริญญาโทที่อังกฤษ

เรียนปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย

เรียนต่อนิวซีแลนด์

เรียนภาษาที่นิวซีแลนด์

เรียน High school ที่อเมริกา

เรียนปริญญาโทที่ออสเตรเลีย

เรียนต่อแคนาดา

เรียนภาษาที่แคนาดา

เรียนปริญญาตรีที่อเมริกา

เรียนแฟชั่นที่ Marangoni

เรียนต่อสวิตเซอร์แลนด์

เรียนการโรงแรมที่สวิตเซอร์แลนด์

เรียนปริญญาโทที่อเมริกา

เรียนทำอาหารที่ Le Cordon Bleu

York Institute 283/39, 41 Home Place Building, 8th Fl., Sukhumvit 55 (Thonglor 13), Bangkok 10110 THAILAND Tel: (66) 94-916-1644, (66) 94-661-9626 Email: info@york-institute.com Copyright © 2022 All Rights Reserved.