094-916-1644, 094-661-9626 @york-institute

Blogs

พี่เกลขอมาเล่าตั้งแต่ Day 1 หลังบินไป visit สถาบันภาษา ES Dubai และไปเที่ยวเกือบทุก Highlight ของ Dubai

การเดินทางของพี่เกลในครั้งนี้ ได้รับการเชิญจากสถาบัน ES Dubai ให้ไปเยี่ยมชมสถาบัน เพื่อไปดูว่าโรงเรียนมี facility ยังไง มีการสอนแบบไหน รวมถึงการใช้ชีวิตในดูไบเป็นอย่างไร เพื่อจะนำมาเล่าให้น้องๆ ฟังค่ะ ไปดูเรื่องราวของพี่เกลตั้งแต่ออกเดินทางกันเลยค่ะ

Day 1   วันแรกของการเดินทางไปดูไบ พี่บินด้วยสายการบิน Emirate ไฟล์ทเช้า และไปถึง Dubai ประมาณ 13.30 น. ตามเวลาที่ Dubai ค่ะ ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมงครึ่ง เท่านั้นค่ะ ก็มาถึงแล้ว เวลาที่นี่เค้าจะช้ากว่าบ้านเราประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ

มาถึงที่สนามบิน Dubai บอกเลยว่าตื่นตาตื่นใจมากๆ กับเทคโนโลยีของเค้า เมื่อลงเครื่องเดินออกมาก็จะเจอลิฟท์ ลิฟท์ที่สนามบินของเค้ามันอลังการสมกับความเป็น Dubai จริงๆ ค่ะ ใหญ่มากแล้วขึ้นลงพร้อมๆ กันทั้ง 4 ตัวเลย ภายในลิฟท์คือใหญ่แบบน่าจะใส่รถยนต์ได้คันนึงเลยค่ะ เราก็ขึ้นลิฟท์เพื่อไปต่อรถไฟฟ้าแล้วไปลงตรงจุดที่จะไป Arrival Hall ค่ะ

ขั้นตอนเข้า Dubai ไม่ยากเลยค่ะ แป็บเดียวเราก็ผ่าน ตม. มาได้แล้ว ชิลมากค่ะ พอออกจากสนามบิน ก็มีคนมารับเพื่อไปส่งที่โรงแรมค่ะ โรงแรมที่เราไปพักเป็นโรงแรม Holiday Inn ค่ะ อยู่นอกเมืองออกมาค่อนข้างไกล แต่ก็เพลินกับวิวข้างทาง ตึกสูงใหญ่ของที่นี่ค่ะ โรงแรมถึงแม้จะอยู่นอกเมือง แต่ว่าเค้าก็มี Shuttle Bus รับส่งฟรี สำหรับจุดต่างๆ ในเมืองนะคะ เรียกได้ว่าสะดวกสบายเลยค่ะ

วันแรกเรายังไม่มีกิจกรรมอะไรมากมายค่ะ ก็แค่ทานอาหารเย็นที่โรงแรมและพักผ่อนค่ะ อาหารมื้อแรกที่โรงแรมจัดให้ก็เป็นอาหารของคนที่นี่ค่ะ ตอนแรกแอบคิดว่าอาหารแถบตะวันออกกลางจะต้องเหมือนอาหารแขกไม่น่าจะทานได้ แต่จริงๆ ทานได้สบายมากค่ะ ที่นี่เค้าจะมีแป้งแผ่นที่เหมือนแป้งนานของอินเดีย ผสมกับพวกแผ่นแป้งของเม็กซิกัน แล้วก็ทานกับครีมขาวๆ รสชาติจะออกเปรี้ยวหน่อยค่ะ อันนี้จะเป็นเหมือนออเดิร์ฟเลยค่ะ ส่วนอาหารหลัก เนื้อสัตว์พวกไก่ย่าง, สตูเนื้อ, ปลาอบซอสของเค้า คนไทยก็รอดอยู่นะคะ อ่อ ถ้าใครชอบทานเนื้อ ที่นี่เนื้อเค้าดีและอร่อยมากค่ะ นอกจากนี้นม ก็ดีเลยนะสดอร่อยด้วย รสชาติต่างจากบ้านเรามากๆ เลยค่ะ ไข่คน ที่นี่น่าจะนิยมทานไข่เป็ดนะคะ แต่ไข่เป็ดของเค้าสีไข่แดงมันจะไม่แดงจัดเท่าบ้านเราค่ะ สีไข่แดงของเหมือนไข่ไก่บ้านเราเลย แต่รสชาติไม่มีความคาวเลยค่ะ พี่เกลปกติไม่ทานไข่เป็ดเลยนะ ทานไข่เป็ดที่นี่ได้สบายเลย

Day2  เช้าวันแรกของการอยู่ดูไบ พี่เกลตื่นเต้นมากค่ะ รถมารับพวกเราตั้งแต่ 8.45 เลย เช้านี้ตามโปรแกรมเราจะได้ไป Dubai Mall กันค่ะ ตื่นเต้นมาก Dubai Mall เค้าติดอันดับหนึ่งในห้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยนะคะ มีแต่คนบอกว่าเดินแล้วหลงค่ะ

พอได้เข้าเมือง บอกเลยว่าว้าวมากค่ะ ดูไบเป็นเมืองที่ค่อนข้างเป็นระบบระเบียบมาก มีการวางผังเมืองที่ดี เค้าจะมีการจัดโซนเช่น โซนหอพักนักเรียน นักศึกษาก็อยู่โซนนึง ตรงนั้นจะมีที่ตั้งของหอหลายที่มาก โซนการศึกษาก็จะมีแต่โรงเรียน, มหาวิทยาลัย โซนไอทีก็จะมีแต่บริษัทไอทีทั้งนั้นเลยค่ะ ในเมืองดูไบเราจะเห็นตึกสูงระฟ้าเต็มไปหมดเลยค่ะ แล้วหน้าตาของตึกก็บอกได้เลยว่าไม่ธรรมดาเลยค่ะ หน้าตาแปลกๆ เยอะไปหมด

เมื่อเรามาถึง Dubai Mall กัน บอกเลยว่าว้าวมาก ใหญ่สุดๆ ไปเลยค่ะ ภายในห้างก็มีร้านค้าเยอะแยะไปหมด แล้วก็ต้องไปสะดุดตากับ Aquarium ขนาดใหญ่ที่อยู่ในห้าง คือใหญ่จริงค่ะ มีปลาฉลามด้วย ที่นี่เค้ามี Aquarium ที่แบบเสียเงินเข้าไปชมด้วยนะคะ แอบเสียดายที่ไม่มีเวลามากขนาดนั้น เลยอดเลยค่ะ นอกจาก Aquarium แล้ว ก็จะมี น้ำตกขนาดใหญ่บอกเลยว่าใหญ่จริงๆ ค่ะตั้งอยู่ในห้างเลยอะไรจะขนาดนั้น ถ้าน้องๆ มีโอกาสมาเที่ยว แนะนำ Dubai Mall เลยค่ะ เดินได้ทั้งวันมีอะไรให้ทำเพียบเลย

ในบริเวณห้างจะมีพื้นที่ outdoor ด้วยนะคะ นั่นคือ Dubai Mall Fountain ค่ะ เสียดายตอนที่ไปเป็นตอนกลางวัน เค้าไม่ได้เปิดน้ำพุให้ดูค่ะ คนที่นี่มักจะใช้ชีวิตนอกบ้านในเวลากลางคืนค่ะ เพราะช่วงฤดูร้อนอากาศค่อนข้างร้อนค่ะ ดูไบ อากาศจะร้อนแบบแห้งๆ คือร้อนแต่เราไม่มีเหงื่อ ไม่รู้สึกเหนียวตัวเหมือนที่ไทยค่ะ พี่เกลชอบมากเลย เพราะเครื่องสำอางค์ไม่เยิ้มเลยค่ะ

ชีวิตกลางคืนที่นี่คึกคักมากค่ะ ที่ดูไบ กลางคืนอากาศจะเย็นกว่ากลางวันเยอะมากค่ะ มีลมตลอดด้วย ชอบมากเลย

หลังจากไปที่ Dubai Mall แล้ว เราก็ไปที่ ตึก Burj Khalifa ด้วยค่ะ ตึกที่สูงที่สุดในโลก แค่เห็นก็ว้าวแล้ว ตึก Burj Khalifa นี่จะอยู่ติดๆ กับ Dubai Mall เลยค่ะ มีทางเดินทะลุถึงกันได้ ตึก Burj Khalifa เจ้าของตึกคือ Mohammed bin Rashid Al Maktoum นายกรัฐมนตรี หรือจะเรียกว่าเจ้าผู้ครองนครดูไบ ก็ได้ค่ะ ส่วนชื่อตึกได้ตั้งชื่อตามประธานาธิบดีคนที่สองแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ค่ะ โดยชื่อเต็มๆ ของประธานาธิบดีก็คือ Khalifa bin Zayed AL Nahyan ค่ะ ชื่อยาวมากๆ เลย ทั้งนี้ก็เพราะว่าท่านได้ช่วยเหลือทางการเงินครั้งใหญ่ให้กับดูไบและรวมถึงการสร้างตึกนี้ด้วยค่ะ จึงตั้งชื่อให้เป็นเกียรติแก่ท่าน

ตึก Burj Khalifa มีทั้งหมด 163 ชั้นค่ะ ในตึกนี้มีทั้ง สำนักงาน ร้านอาหาร คอนโด สระว่ายน้ำ หอดูดาว สุเหร่า แต่เราจะได้ขึ้นถึงแค่ชั้นที่ 124 นะคะ เพราะเป็นจุดชมวิวค่ะ ลิฟท์ที่นี่บอกเลยว่าเทคโนโลยีเค้าล้ำจริงๆ ค่ะ ใช้เวลาในการขึ้นลิฟท์จากชั้น 1 ถึงชั้น 124 เพียงแค่ 60 วินาทีเท่านั้น โห อะไรมันจะเร็วขนาดนั้น บนจุดชมวิว เราก็จะได้เห็นวิวกันแบบ 360 องศาเลยค่ะ สวยมากเลย ถ้าตอนกลางคืนจะต้องสวยกว่านี้แน่นอนเลยค่ะ

เอาล่ะ เสร็จจากการไปเที่ยวแล้ว ทีนี้ที่ต่อไปของเราก็คือโรงเรียน ES Dubai จุดหมายปลายทางสำคัญของทริปนี้ค่ะ โรงเรียนก็จะอยู่ใจกลางเมืองเลยค่ะ ชื่อตึก JLT ตอนนี้ ES Dubai เค้าทำ campus ใหม่คือชั้น 37 ค่ะ เป็นของ ES Dubai ทั้ง Floor เลย การตกแต่งของเค้าคือสวยจริงๆ ค่ะ ดูโมเดิร์นมาก กว้างขว้างมีพื้นที่ให้นักเรียนได้พักผ่อนทำกิจกรรมมากมายเลย แอบอิจฉานักเรียนที่นี่เลยค่ะ ที่นี่เค้ามีคาเฟ่ จำหน่ายเครื่องดื่ม แล้วก็พวกขนมปังแซนวิชให้น้องๆ ด้วย บอกเลยค่ะว่ากาแฟที่นี่อร่อยมากนะ ห้องเรียนดูสดใสสะอาดตา ตรงปกสุดๆ ค่ะ นี่ไม่ได้อวยนะคะ

ในห้องเรียนน้องๆ ก็จะได้ใช้ กระดาษอัจฉริยะ ซึ่งทำให้การเรียนไม่น่าเบื่อเลยค่ะ บนกระดาษนักเรียนสามารถมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมในห้องเรียนได้ อ่อ แล้วโต๊ะเก้าอี้ของเค้านี่ออกแบบมาอย่างดีเลยค่ะ มีที่วางกระเป๋าใต้เก้าอี้ให้ มีที่วางแก้วน้ำขวดน้ำ และยังมีที่วางมือถือหรือไอแพด ได้ด้วยค่ะ Facilities ของเค้าไม่ธรรมดาเลยค่ะ

 

Day 3  เช้านี้รถมารับพวกเราตั้งแต่ 9.00 โมงเช้าเลยค่ะ เราจะไป Museum of the Future กันค่ะ ตื่นเต้นอีกแล้ว เนื่องจาก Museum of the Future เป็นพิพิธภัณฑ์เปิดใหม่ล่าสุดของดูไบค่ะ แล้วตึกรูปทรงแปลกตาก็อดทำให้คิดไม่ได้ว่าข้างในจะมีอะไรให้เราได้ตื่นเต้นกันบ้าง พอมาถึงก็ว้าวจริงๆ ค่ะ ข้างในสวยงามมาก ทุกคนจะได้รับสายรัดข้อมือสำหรับแสกนเข้าไปข้างในนะคะ ที่นี่จำลองโลกแห่งอนาคตไว้เลยค่ะ ตื่นเต้นตั้งแต่ห้องโถงแล้ว จะมีเหมือนกระสวยที่ลอยไปมาในห้องโถง ดูเหมือนเราหลุดมาในโลกแห่งอนาคตจริงๆ เลยค่ะ ที่นี่พวกเราได้เห็นถึงเทคโนโลยีการทำให้พิพิธภัณฑ์ไม่ดูน่าเบื่ออีกต่อไปค่ะ ไม่ว่าจะวัยไหน พี่เกลเชื่อว่าก็รู้สึกว้าวกันทุกคนแน่นอนค่ะ

จาก Museum of the Future เราก็ไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัย Wollongong University ค่ะ ซึ่ง Wollongong University นั้นเป็นมหาวิทยาลัยออสเตรเลีย ที่ไปตั้งแคมปัสที่ดูไบ มหาวิทยาลัยที่นี่ดูสวยงามโมเดิร์นน่าเรียนมากเลยค่ะ เท่าที่เดินดูมีนักศึกษาหลากหลายเชื้อชาติมาเรียนที่นี่ มีความเป็น international มากๆ ค่ะ

ช่วงบ่ายเราก็มีโปรแกรมที่ ES Dubai ค่ะ วันนี้พี่เกลจะได้สัมผัสประสบการณ์เรียนภาษาที่ ES Dubai ค่ะ โดยเค้าก็จะให้เราไปนั่งให้ห้องเรียนซึ่งจัดแบบคละเชื้อชาติ เหมือนเวลาที่น้องๆ ไปเรียนจริงๆ เลยค่ะ แล้วก็จะมีครูมาสอน 5 คน คนละ 15 นาที เพื่อให้พวกเราได้รู้เทคนิคการสอนของแต่ละคนกัน คลาสเรียนสนุกมากค่ะ ได้เรียนหลาย part เลยไม่ว่าจะเป็น Gramma, Vocabulary , Pronunciation, Speaking พี่เกลได้สัมภาษณ์คุณครูที่นี่ แต่คนละไม่ธรรมดาจริงๆ ค่ะ ทุกคนเป็น Native Speaker ทุกคนผ่านการเป็นครูสอนภาษาอังกฤษจากประเทศต่างๆ มาแล้ว สอนได้สนุกมากค่ะ จนพี่เกลอยากมาเป็นนักเรียนที่นี่เองเลย 55555

หลังจากที่เราได้มาทดลองเรียนภาษากันแล้ว ตอนเย็นพวกเราก็มีโปรแกรมไป Old Town ค่ะ Old Town ที่นี่ดูมีเสน่ห์มากค่ะ ไม่คิดว่าดูไบ จะมีอะไรแบบนี้ด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดมาอยู่ในยุคโบราณของเค้าเลย อ่อ นึกถึงเรื่องอาลาดินเลยค่ะ บางมุมก็คล้ายอยู่นะ ที่ Old Town ก็จะเป็นเมืองเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์น่าสนใจค่ะ ในนี้จะมีพวกแกลอรี่เยอะเหมือนกันนะ

จาก Old Town เราก็ไปตลาดกันค่ะ Gold Souk เป็นตลาด jewelry ที่ใหญ่ที่สุดและอลังการที่สุดที่พี่เกลเคยเจอเลยค่ะ ทุกร้านโชว์ทอง โชว์เพชรกันแบบจัดเต็ม ไม่กลัวขโมยกันเลยล่ะ เพราะกฎหมายที่นี่แรงมากค่ะ คือปลอดภัยมากๆ เลย มาเดิน Gold Souk เราก็จะเห็นพ่อค้าที่เป็นชาวอินเดีย ปากีสถาน เยอะมากค่ะ อ่อ เราสามารถเดินเข้าออกได้ทุกร้านเลยนะ และสามารถถ่ายวิดีโอ ถ่ายรูปได้ด้วย คือทองที่เค้าเอามาโชว์นอกจากสร้อย แหวน กำไล ต่างหูแล้ว ยังมีแมสทองคำ เสื้อทองคำอีกด้วยนะ อลังการจริงค่ะ

ถัดจาก Gold Souk แล้วก็มาที่ Textile Souk ค่ะ ตลาดขายผ้า ขายเครื่องเทศ ของฝากมีหมดค่ะ ถ้าใครมาเดินนะ บอกเลยว่าจะต้องต่อราคานะจ๊ะไม่งั้นจะได้ของที่แพงเกินราคาไปเยอะมากค่ะ ต่อไปเลย 50% เพราะเค้าจะบอกราคาแพงไว้ก่อนค่ะ แขกที่นี่ขายของกันสุดฤทธิ์เลย มาถึงไม่รอช้าใครยืนดูของที่ร้าน เค้าจะเอาผ้ามาพันหัวในแบบของคนอาหรับเลยค่ะ แต่ไม่ซื้อเค้าก็ไม่ว่านะ หลายคนพันหัว ใส่ชุด ถ่ายรูปกันเยอะแยะเลย วันนี้สนุกมากเลย และก็เหนื่อยมากด้วย ขอไปพักก่อนนะจ๊ะ เจอกัน Blog หน้ากับเรื่องราวใน Day 4 จนถึงวันกลับ รับรองสนุกมากๆ ค่ะ

 

เรียนต่ออังกฤษ

เรียนภาษาที่อังกฤษ

เรียน High school ที่อังกฤษ

เรียน Certificate ที่ออสเตรเลีย

เรียนต่ออเมริกา

เรียนภาษาที่อเมริกา

เรียนปริญญาตรีที่อังกฤษ

เรียน Diploma ที่ออสเตรเลีย

เรียนต่อออสเตรเลีย

เรียนภาษาที่ออสเตรเลีย

เรียนปริญญาโทที่อังกฤษ

เรียนปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย

เรียนต่อนิวซีแลนด์

เรียนภาษาที่นิวซีแลนด์

เรียน High school ที่อเมริกา

เรียนปริญญาโทที่ออสเตรเลีย

เรียนต่อแคนาดา

เรียนภาษาที่แคนาดา

เรียนปริญญาตรีที่อเมริกา

เรียนแฟชั่นที่ Marangoni

เรียนต่อสวิตเซอร์แลนด์

เรียนการโรงแรมที่สวิตเซอร์แลนด์

เรียนปริญญาโทที่อเมริกา

เรียนทำอาหารที่ Le Cordon Bleu

York Institute 283/39, 41 Home Place Building, 8th Fl., Sukhumvit 55 (Thonglor 13), Bangkok 10110 THAILAND Tel: (66) 94-916-1644, (66) 94-661-9626 Email: info@york-institute.com Copyright © 2022 All Rights Reserved.