094-916-1644, 094-661-9626 @york-institute

Blogs

น้องพลอยเล่าประสบการณ์เรียนปริญญาโทการโรงแรม ที่สถาบันการโรงแรมชั้นนำ B.H.M.S Switzerland

ก่อนที่จะไปอ่านบทสัมภาษณ์ของน้องพลอย พี่ขอเล่าถึงประสบการณ์ด้านการศึกษาในต่างประเทศของน้องพลอยซักเล็กน้อยนะคะ หลังจากที่น้องพลอยเรียนจบปริญญาตรีแล้ว น้องพลอยได้ไปเรียนหลักสูตร Post Grad Higher Diploma สาขา Hospitality ที่ Switzerland   2 ปี และเมื่อเรียนจบหลักสูตรนี้น้องพลอยก็กลับมาประเทศไทย และทำงานด้านการโรงแรมประมาณ 2 ปี ก่อนจะตัดสินใจกลับไปเรียนต่อที่ Switzerland   อีกครั้ง โดยน้องพลอยให้เหตุผลว่าชอบ Switzerland  และอยากกลับไปเรียน ไปใช้ชีวิตที่ Switzerland  อีกครั้งหนึ่งค่ะ

และเมื่อน้องพลอยตัดสินใจจะไปเรียนที่ Switzerland ครั้งนี้  น้องหยก, พี่ชายของน้องพลอยก็ถึือโอกาสไปเรียนภาษาที่ประเทศอังกฤษ 9 เดือน  (อ่านประสบการณ์การเรียนและการใช้ชีวิตที่อังกฤษของน้องหยกได้ที่นี่ค่ะ) เพราะเห็นว่าอังกฤษกับสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ไม่ไกลกันมาก จะไปเจอกันก็ใช้เวลาเดินทางไม่นาน

ต่อไปนี้เราจะได้พบกับประสบการณ์ของน้องพลอยทั้งในเรื่องการเรียน และการใช้ชีวิตใน Switzerland  ครั้งนี้กันค่ะ

 “สวัสดีค่ะ ชื่อพลอยค่ะ ตอนนี้เรียน MSc International Hospitality Business Management อยู่ที่ B.H.M.S (Business & Hotel Management School) Lucerne City, Switzerland ค่ะ”

ก่อนที่น้องพลอยจะเดินทางไปเรียนที่ Switzerland น้องพลอยทำงานที่ไหนคะ ?  “ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจว่ามาเรียนต่อที่ประเทศ Switzerland พลอยเป็น Guest Service Agent Supervisor ที่โรงแรมแถวสามย่านค่ะ”

ทำไมน้องพลอยถึงตัดสินใจเรียนต่อการโรงแรมที่ประเทศ Switzerland คะ ?  “หลักๆ เลย คือ ประเทศ Switzerland มีชื่อเสียงมากในเรียนการโรงแรม แถมในโปรแกรมการเรียนยังมีโปรแกรมฝึกงานทั้งในและนอกประเทศ ให้กับนักเรียนอีกด้วยค่ะ และยังเป็นประเทสที่ปลอดภัยมากๆ อีกด้วย หลักๆ สำหรับการตัดสินใจการเรียนต่อของพลอยคือ ได้เรียนด้วย ได้ประสบการณ์การทำงานในสถานที่จริงด้วย แล้วยังได้เที่ยวในประเทศที่ใช้ Schengen Visa อีกด้วยค่ะ”  

ที่ Switzerland เองก็มีโรงเรียนสอนการโรงแรมเยอะมากนะคะ แล้วทำไมพลอยถึงตัดสินใจเลือกเรียนต่อที่ B.H.M.S คะ ?   “อาจารย์ชาวต่างชาติเป็นคนแนะนำให้มาเรียนต่อที่นี่ค่ะ แล้วพอเข้าไปดูใน Website ของโรงเรียนของเห็นว่า B.H.M.S มีหลักสูตรร่วมกับมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษและอเมริกาอีกด้วย คือเรียนที่ Switzerland แต่เมื่อเรียนจบก็ได้ทั้ง Certificate ที่เป็นของ B.H.M.S และมหาวิทยาลัยที่อังกฤษกับอเมริกาด้วยค่ะ”

เมืองที่พลอยอยู่เป็นเมือง Lucerne อยากให้น้องพลอยเล่าเรื่องเมือง Lucerne ให้พวกเราฟังหน่อยค่ะ ?  Lucerne เป็นเมืองท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ้ามาที่ประเทศ Switzerland เมือง Lucerne มีขนาดเมืองที่ไม่ใหญ่มาก คือสามารถเดินได้ทั่วแต่ใช้เวลาในการเดินนานนิดหน่อย ตัวเมืองแบ่งเป็น 2 ย่านคือ Old Town กับ New Town มีป้อมปราการที่สามารถเดินขึ้นไปชมวิวของเมืองได้ ส่วนอีกฝั่งก็จะมียอดเขาชื่อ Gütsch ที่สามารถขึ้นไปชมวิวอีกด้านของตัวเมืองได้ค่ะ บนยอดเขานี้มีคนมาเดินป่าเยอะมาก เพราะสามารถเดินเชื่อมต่อไปเมืองอื่นได้ มียอดเขาที่มีชื่อเสียงสองที่คือ Mount Pilatus กับ Mount Rigi ในย่าน Zentrum ก็จะมีร้านขายของมากมาย มีห้างที่ไม่ใหญ่มาก มีร้านหนังสือ ร้านกาแฟ มีพิพิธภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อหลายแห่งรวมถึงสะพานไม้ชาเปล กับอนุสาวรีย์สิงโต ที่ขึ้นชื่อ แถมยังสามารถเดินเล่นริมทะเลสาบเพื่อชมวิวภูเขา กับวิวเมืองได้ด้วยค่ะ ในทะเลสาบสามารถเล่นเรือถีบ หรือจะนั่งเรือชมวิวก็ได้ด้วยค่ะ”

ค่าครองชีพของที่นั่นเป็นยังไงบ้างคะ ?   “ค่าครองชีพที่ประเทศ Switzerland ก็ถือว่าแพงอยู่ค่ะ อีกทั้งเมือง Lucerne เป็นเมืองใหญ่ ค่าครองชีพเลยแพงกว่าเมืองเล็กๆ แต่เนื่องจากถ้ามาเรียนหนังสือ ส่วนใหญ่ค่าเทอมจะรวมทุกอย่างไปหมดแล้ว ก็ไม่ต้องเสียอะไรเพิ่ม ยกเว้นถ้าจะไปเที่ยวหรือ Shopping ในเมือง Lucerne มีซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ 4 แบรนด์ หลักๆ ค่ะ มีทั้งราคาถูกจนไปถึงราคาแพง น้ำดื่มถ้าจะซื้อในซุปเปอร์มาเก็ตจะมีราคาถูกลงค่ะ ตั้งแต่ 50 เซนต์ ไปจนถึง 2 ฟรังค์ แล้วแต่ยี่ห้อ (จริงๆ คน Switzerland ไม่ค่อยซื้อน้ำดื่มเพราะสามารถดื่มได้จากก๊อกน้ำเลยค่ะ) พวกน้ำอัดลมก็อยู่ประมาณ 1 ฟรังค์กว่าๆ ไปถึง 2 ฟรังค์ กว่าๆ ค่ะ ส่วนพวกขนมแล้วแต่แบบแต่ยี่ห้อ และความใหญ่ค่ะ แต่ไม่เกิน 5 ฟรังค์ สามารถซื้อมาแชร์กับเพื่อนได้หลายคน ส่วนค่ารถ ถ้ามีบัตร haft price ก็จะได้ราคาถูกลง แล้วแต่ระยะทางที่จะลง เนื่องจากยังไม่เคยจ่ายค่ารถด้วยตัวเอง เลยไม่แน่ใจว่าราคาเริ่มต้นอยู่ที่เท่าไร แต่รถรางขึ้นเขาจะอยู่ที่ 2.50 ฟรังค์ต่อหนึ่งเที่ยวค่ะ ก็ต้องคำนวณกันเยอะนิดนึงก่อนจะจ่ายค่าอะไรนะคะ”

แล้วหอพักที่ B.H.M.S ที่พลอยพักอยู่เป็นยังไงบ้างคะ ?  “ห้องพักที่ B.H.M.S มีหลายแบบให้เลือก  แต่ที่พลอยเลือกคือห้อง standard double room คือต้องมี roommate ค่ะ จากที่ดูในรูปคือจะเป็นห้องในตึกหลักค่ะ ต้องบอกว่าเป็นความโชคดีของตัวเองที่ได้มาอยู่ในห้องที่เป็น apartment คือมีห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องครัว แล้วก็มีระเบียงค่ะ คือเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของห้องเด็กนักเรียนแล้วค่ะ หอพักของ B.H.M.S มีหลายตึกค่ะ แต่ล่ะตึกก็จะไม่เหมือนกัน แต่ถ้าตอนมาแล้วไม่ชอบห้อง หรือไม่โอเคกับรูมเมทก็สามารถขอย้ายได้ภายในอาทิตย์ที่สี่ค่ะ อีกเรื่องคือทุกห้องพักจะมีครัวเป็นของตัวเองนะคะ”                

ฟังจากที่พลอยพูดแล้ว น้องๆ หลายคนคงอยากไปเรียนเลยนะคะ มาที่เรื่องของอาหารการกินกันบ้าง เป็นอย่างไรบ้างคะถูกปากนักเรียนไทยหรือเปล่า ? “ที่โรงเรียนจะมี 2 ห้องอาหารนะคะ ห้องอาหารหลักๆ เลยจะอยู่ที่ตัวตึก City campus คือเป็นอาหารเช้า กลางวัน เย็น เป็นบุฟเฟต์แบบมี Chef หรือเด็กนักเรียนทำอาหารเป็นคนตักให้ค่ะ ในแต่ล่ะมื้ออาหารหลักๆจะมีเป็น ไก่ เนื้อ แล้วก็มังสวิรัต ค่ะ มีสลัดบาร์ แล้วก็ของหวานด้วย ส่วนถ้าเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือ Term-Break จะมีเป็น Brunch กับอาหารเย็นแทน ส่วนอีกห้องอาหารจะอยู่ที่ตึก Braselstrasse 57 ที่นี่ต้องลงชื่อเพื่อที่จะมาทาน จะเสิร์ฟเป็น Course Menu ค่ะ คือ Starter, Main Course แล้วก็ Dessert ค่ะ เท่าที่อยู่มาหนึ่งเดือนจะเจออาหารไทยบ่อยมากค่ะ ฮ่าๆ รสชาติอาจจะไม่ไทยแท้ แต่สำหรับคนที่ติดอาหารไทยก็ช่วยได้เยอะอยู่ค่ะ พวกเด็กนักเรียนไทยที่เรียนทำครัวก็ชอบทำอาหารไทยค่ะ เหมือนแบบเมนูอาหารจะเปลี่ยนไปตามคนที่ทำอาหารค่ะ ถ้าเป็นเด็กจีนก็ออกแนวอาหารเหลา อินเดียก็เครื่องเทศเยอะๆ ฝรั่งก็อาหารฝรั่งปกติ คือแต่ละวัน จะดูเมนูได้จากคนที่อยู่ในครัวค่ะ 5555”

แบบนี้น้องๆ ที่ติดอาหารไทยก็ไม่ต้องกลัวแล้วนะคะ ไม่อดแน่นอนค่ะ

ทีนี่เรามาคุยเรื่องเรียนกันบ้าง เรียนที่ B.H.M.S เป็นอย่างไรบ้างคะ การเรียนการสอนของที่นี่เหมือนบ้านเราไหมคะ ?  “เนื่องจากพลอยเรียน MSc ในคลาสพลอยก็มีทั้งหมด 27 คนค่ะ ยกเว้นวิชาภาษาเยอรมัน จะมี 17 คนค่ะ ส่วนวิชา Service ถ้าไม่มีพื้นฐานคือกำหนดว่าต้องเรียน ก็จะมี 14 คนค่ะ ถ้ามีหลักฐานยืนยันก็ไม่จำเป็นต้องเรียน วันนั้นก็จะได้หยุดทั้งวันเลย อาจารย์ส่วนใหญ่จะมีหลายหลายเชื้อชาติมากค่ะ สไตล์การสอนแต่ล่ะคนก็ไม่เหมือนกัน ที่นี่จะเรียนทุกวันค่ะ จันทร์ถึงศุกร์ แต่ตารางเรียนของแต่ล่ะคนจะไม่เหมือนกัน โดนเฉพาะเด็กที่เป็น Returning Student เพราะบางวิชาเขาต้องมาเรียนต่อยอดให้สูงขึ้น ก็จะได้เรียนคนล่ะคลาส การเรียนเหมือนจะเรียนหนักกว่าที่ไทยนะคะ เพราะบางวันคือเรียนทั้งวัน คือ 9 โมง ถึงบ่ายโมง แล้วก็เรียนบ่ายสองถึงหกโมงเย็นค่ะ ยกเว้นวิชาภาษาเยอรมันที่ทุกคนต้องเรียนคนล่ะ 5 ชม แล้วก็จะมีพวก Assignment กับ Presentation บ่อยมากค่ะ มีเกือบทุกวันเลย”                 

การที่พลอยได้มาเรียนที่ B.H.M.S นี่ อะไรบ้างคะที่ทำให้พลอยรู้สึกประทับใจ ?  “สำหรับความประทับใจของที่นี่คือ การเอาใจใส่ของอาจารย์ เจ้าหน้าที่ทุกคนที่นี่ คืออาจจะไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วทุกคนช่วยเหลือนักเรียนเต็มที่ค่ะ แล้วทุกเสาร์-อาทิตย์ก็มีพานักเรียนไปเที่ยว ทำกิจกรรมร่วมกันด้วยค่ะ”  

 

“สำหรับใครที่สนใจเรียนการโรงแรม สวิสเซอร์แลนด์เป็นตัวเลือกที่ดีมากนะคะ มาเรียนที่นี่คือได้ทั้งการเรียน และประสบการณ์จริงในการทำงานกับชาวต่างชาติแบบมีรายได้ต่อเดือน แถมยังสามารถท่องเที่ยวไปได้ในตัวโดยไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ด้วยค่ะ หรือถ้าจะมาเก็บเงินที่นี่ก็ได้เยอะอยู่นะคะ มาเรียนด้วยกันเยอะๆนะคะ”

ขอบคุณน้องพลอยมากๆ นะคะที่มาแชร์ประสบการณ์สนุกๆ แถมยังได้ความรู้ให้พวกเราได้อ่านกัน พี่ๆ ทุกคนที่ York ขออวยพรให้น้องพลอยมีความสุขกับการใช้ชีวิตที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์และประสบความสำเร็จในการเรียนสมดังที่ตั้งใจไว้นะคะ 🙂

เรียกได้ว่าเรียนสนุก ได้ประสบการณ์ แถมยังได้เงินกลับบ้านอีก ถ้าใครสนใจอยากเรียนต่อที่สถาบันการโรงแรมระดับโลก B.H.M.S. ติดต่อ York Institute ได้เลยนะจ๊ะ

 

เรียนต่ออังกฤษ

เรียนภาษาที่อังกฤษ

เรียน High school ที่อังกฤษ

เรียน Certificate ที่ออสเตรเลีย

เรียนต่ออเมริกา

เรียนภาษาที่อเมริกา

เรียนปริญญาตรีที่อังกฤษ

เรียน Diploma ที่ออสเตรเลีย

เรียนต่อออสเตรเลีย

เรียนภาษาที่ออสเตรเลีย

เรียนปริญญาโทที่อังกฤษ

เรียนปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย

เรียนต่อนิวซีแลนด์

เรียนภาษาที่นิวซีแลนด์

เรียน High school ที่อเมริกา

เรียนปริญญาโทที่ออสเตรเลีย

เรียนต่อแคนาดา

เรียนภาษาที่แคนาดา

เรียนปริญญาตรีที่อเมริกา

เรียนแฟชั่นที่ Marangoni

เรียนต่อสวิตเซอร์แลนด์

เรียนการโรงแรมที่สวิตเซอร์แลนด์

เรียนปริญญาโทที่อเมริกา

เรียนทำอาหารที่ Le Cordon Bleu

York Institute 283/39, 41 Home Place Building, 8th Fl., Sukhumvit 55 (Thonglor 13), Bangkok 10110 THAILAND Tel: (66) 94-916-1644, (66) 94-661-9626 Email: info@york-institute.com Copyright © 2022 All Rights Reserved.